เสริมพอร์ตแกร่งจากการลงทุนในสินทรัพย์ชั้นนำทั่วโลก

สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะยังเผชิญความผันผวนจากสงครามการค้าและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค แต่เรามองว่า การปรับตัวลงของตลาดในบางจังหวะเป็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ โดยเน้นไปที่บริษัทที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาวจากการใช้เทคโนโลยี AI และ Cybersecurity อย่างจริงจัง
การเสริมประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน ควรพิจารณาการกระจายพอร์ตไปยัง สินทรัพย์ต่างประเทศ มากขึ้น เปรียบเสมือนการขยายโอกาสในการ “จับปลาในมหาสมุทรขนาดใหญ่” ที่มีความหลากหลายของธุรกิจ อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจ ช่วยลดความเสี่ยงที่กระจุกตัวในประเทศเดียว และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการเติบโตของบริษัทชั้นนำระดับโลก
ทำไมการกระจายเงินลงทุนไปสินทรัพย์ต่างประเทศจึงสำคัญ
การลงทุนในต่างประเทศเป็นแนวทางสำคัญในการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต (Portfolio Diversification) และช่วยเสริมเสถียรภาพโดยรวมให้กับการลงทุน ทั้งนี้ สินทรัพย์ต่างประเทศบางประเภทมีลักษณะเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กับตลาดไทย (Low Correlation) จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการลดความผันผวนของพอร์ตในช่วงที่ตลาดในประเทศเผชิญแรงกดดัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้รับประโยชน์จากการกระจายตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical Diversification) เนื่องจากเศรษฐกิจของแต่ละประเทศอยู่ในระยะที่แตกต่างกัน การเลือกลงทุนในประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตและอยู่ในช่วงขยายตัว จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ขณะเดียวกันก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจประเทศที่อยู่ในระยะชะลอตัวหรือถดถอยได้
อีกหนึ่งจุดเด่นของการลงทุนต่างประเทศคือการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงบริษัทระดับโลกที่มีศักยภาพการเติบโตสูง (Global Growth Opportunities) เช่น Apple, Microsoft, Nvidia, หรือ LVMH ซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระดับโลก และมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ท้ายที่สุด นักลงทุนยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะในช่วงที่สกุลเงินต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือยูโร แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท ซึ่งอาจช่วยเพิ่มมูลค่าของพอร์ตเมื่อนำกลับมาแปลงเป็นสกุลเงินบาท
มุมมองการลงทุนต่างประเทศในไตรมาส 2/2568
แรงกดดันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นในระดับโลก หรือที่เรียกว่า Trade War 2.0 โดยเฉพาะมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูง เช่น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป และเกาหลีใต้ ขณะเดียวกัน ความผันผวนของค่าเงินในหลายภูมิภาคยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน และเป็นความเสี่ยงที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด
ภายใต้บริบทดังกล่าว กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสนี้ควรให้น้ำหนักไปที่ การลดความเสี่ยงของพอร์ต (Risk Management) โดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้คุณภาพสูง และทองคำ ควบคู่ไปกับการลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศหรือสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวสูงต่อสงครามการค้า
ในอีกด้านหนึ่ง การกระจายการลงทุนไปยังตลาดที่มีศักยภาพฟื้นตัว หรือได้รับผลกระทบน้อยจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการลงทุนในธีมที่สามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน เทคโนโลยี AI ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน สร้างความปลอดภัย และขยายโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว ทั้งนี้ นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านจากหุ้นที่พึ่งพาการค้าสินค้ากายภาพ (Hard Merchandise) ไปสู่หุ้นที่เกี่ยวข้องกับบริการและเทคโนโลยี (Soft Services) ที่มีความสามารถในการปรับตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ดีกว่า
ธีมการลงทุนเด่นใน ไตรมาส 2/2568
•Social & Content Connectivity
กลุ่มหุ้นที่โดดเด่นด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างรายได้ โดยเฉพาะการพัฒนาโฆษณาแบบ AI-driven และการผลิตเนื้อหาที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล (Personalized Content) เพื่อเพิ่ม Engagement กับผู้ใช้งาน ตัวอย่างการลงทุน: กองทุนรวมธีม AI ที่มีการลงทุนในหุ้น Meta (META) และ Netflix (NFLX)
• Software & Security Technology
กลุ่มธุรกิจที่ได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI รวมถึงเครือข่าย 5G โดยใช้โมเดลรายได้แบบ Subscription-based ที่มีความสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนสาย Defensive ตัวอย่างการลงทุน: กองทุนรวมในธีม Cybersecurity หรือ Infrastructure ที่รองรับการเติบโตของ AI
• China AI Growth
กลุ่มบริษัทจีนที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายส่งเสริม AI และ Semiconductor ของรัฐบาลจีน ท่ามกลางมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ จีนหันมาเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ ซึ่งจะช่วยรองรับความต้องการในตลาดภายในประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างการลงทุน: กองทุน China Technology หรือ China H Shares
สรุปมุมมองไตรมาส 2/2568
แม้ว่าสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะยังเผชิญความผันผวนจากสงครามการค้าและปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค แต่เรามองว่า การปรับตัวลงของตลาดในบางจังหวะเป็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ โดยเน้นไปที่บริษัทที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาวจากการใช้เทคโนโลยี AI และ Cybersecurity อย่างจริงจัง
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด และปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับทิศทางของนโยบายระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในช่วงเวลานี้