จัดเก็บภาษีขายหุ้นปี 2566 กระทบนักลงทุนอย่างไร?
นักลงทุนที่เทรดซื้อ-ขายหุ้น คงพอจะเห็นข่าวเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีขายหุ้นตั้งแต่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กลับมาจัดเก็บฯ อีกครั้ง
หลังจากที่ได้มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี (ตั้งแต่ปี 2535 ถึงปัจจุบัน) แต่แม้จะเก็บภาษีขายหุ้นฯ สิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไร (Capital Gains) และอากรแสตมป์จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงมีอยู่
สำหรับการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะจัดเก็บในปี 2566 ได้กำหนดวิธีการและแบ่งช่วงเวลาการจัดเก็บ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ดังนี้
กฎหมายกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีขายหุ้นสำหรับกลุ่มผู้ขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่
1) ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉพาะการขายหลักทรัพย์ที่บุคคลนั้นได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์นั้น
2) สำนักงานประกันสังคม
3) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
4) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
5) กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
6) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
7) กองทุนการออมแห่งชาติ
8) กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพื่อขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวมแก่สำนักงานประกันสังคมหรือกองทุนตามข้อ 3-7 เท่านั้น
ในปัจจุบันนักลงทุนซื้อขายหุ้น ทำรายการผ่าน 2 ช่องทางหลักๆ คือ ซื้อขายเองผ่านอินเทอร์เน็ตและซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดหรือผู้แนะนำการลงทุน ซึ่งค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้นถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่งโดยเฉพาะนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นในปริมาณมากควรจะต้องนำมาพิจารณา ประกอบด้วย
โดยทางกรมสรรพากรก็ได้มีการศึกษาถึงผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีฯ พบว่าอาจส่งผลต่อต้นทุนการทำธุรกรรมในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทยเราก็ยังอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะยาว
สำหรับการยื่นแบบภาษีและชำระภาษีนั้น กฎหมายกำหนดให้ Broker เป็นตัวแทนผู้ขายหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินที่ขายรวมถึงการยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนผู้ขาย (ผู้ลงทุน) เมื่อกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้ว จะมี Grace period ระยะเวลาเตรียมความพร้อมอีกประมาณ 90 วัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักลงทุนมีระยะเวลาปรับตัว คาดว่าจะเริ่มจัดเก็บภาษีได้ประมาณเดือน พ.ค. 2566