ทำความรู้จักหุ้นยั่งยืน (หุ้นกลุ่ม ESG)
ดัชนี SETESG ปี 2566 มีบริษัทจดทะเบียนไทยที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน จำนวน 193 บริษัท และมีบริษัทที่อยู่ในระดับ AAA ถึง 34 บริษัท
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลายท่านคงได้ยินชื่อ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ Thailand ESG Fund (Thai ESG) กันมาบ้างแล้ว เป็นกองทุนประเภทใหม่ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยมีนโยบายลงทุนในธุรกิจที่มีการดำเนินงานโดยคำนึงถึง ESG คือ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัท ภิบาล (Governance) หรือ “หุ้นยั่งยืน” นั่นเอง ซึ่งการจัดตั้งกองทุน Thai ESG สะท้อนให้เห็นว่าภาครัฐและภาคตลาดทุนต่างก็เห็นความสำคัญและต้องการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า ทำไม “หุ้นยั่งยืน” จึงเป็นเทรนด์การลงทุนที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความยั่งยืน หรือ ESG เป็นประเด็นที่มีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก ESG กลายเป็นกติกาและมาตรฐานใหม่ของการดำเนินธุรกิจ ความท้าทายที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญในปัจจุบันคือ การดำเนินงานท่ามกลางโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ธุรกิจที่มุ่งเน้นแต่ตัวเลขกำไร โดยไม่คำนึงถึงสังคมและปัจจัยแวดล้อมรอบด้าน มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังส่งผลกระทบรุนแรงเข้าขั้นวิกฤติ สำหรับในแง่การลงทุนนั้น ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกนำประเด็นด้าน ESG มาเป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกธุรกิจที่จะลงทุน ขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนบุคคลโดยเฉพาะผู้ลงทุนรุ่นใหม่ตื่นตัวและให้ความใส่ใจในประเด็นด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล ก็คาดหวังให้ธุรกิจที่ตนเองลงทุนมีการบริหารจัดการตามหลัก ESG จึงนำประเด็นนี้มาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ใช้การตัดสินใจเลือกลงทุน ด้วยความเชื่อมั่นว่าการลงทุนในหุ้นยั่งยืนมีแนวโน้มที่จะช่วยสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในระยะยาว
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนนั้น อาจมีคำถามว่าจะมีแนวทางเบื้องต้นในการคัดเลือกหุ้นเพื่อลงทุนอย่างไร อาจจะเริ่มต้นจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลของหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวราคาของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยหลักทรัพย์ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นองค์ประกอบของดัชนี SETESG จะเป็นบริษัทที่ได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ประกาศล่าสุดก่อนรอบการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ในดัชนี พร้อมกับจะต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท และผ่านเกณฑ์สภาพคล่องที่กำหนด ซึ่งการอ้างอิงดัชนี SETESG ในการวิเคราะห์จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถคัดเลือกหุ้นยั่งยืนเพื่อลงทุนได้สะดวกขึ้น
นอกจากนี้ หากผู้ลงทุนต้องการที่จะวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจลงทุนจากหุ้นยั่งยืนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ ก็สามารถทำได้โดยใช้ข้อมูลจาก “ผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings” ที่มีการประเมินและประกาศรายชื่อบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่น โดยผลประเมิน SET ESG Ratings จะแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ AAA AA A และ BBB ซึ่งจะมีการประเมินและประกาศรายชื่อปีละครั้ง โดยปี 2566 มีบริษัทจดทะเบียนไทยที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน จำนวน 193 บริษัท และมีบริษัทที่อยู่ในระดับ AAA ถึง 34 บริษัท โดยสามารถดูผลประเมินทั้งหมดได้ในเว็บไซต์ settrade ซึ่งนอกจากผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings และข้อมูลดัชนี SETESG แล้ว เว็บไซต์ยังมีการนำเสนอข้อมูลและผลประเมิน ESG ที่จัดทำโดยหน่วยงานอื่นๆ ในระดับสากลอีกหลายแห่ง ได้แก่ Morningstar Sustainalytics, ESG Book, Moody’s ESG Solutions, MSCI, Refinitiv และ S&P Global เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถนำไปใช้ในการเปรียบเทียบ วิเคราะห์ และตัดสินใจลงทุนได้ตามต้องการ
สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการวิเคราะห์หรือคัดเลือกหุ้นยั่งยืนด้วยตนเอง ปัจจุบันก็สามารถลงทุนผ่านมืออาชีพกับกองทุน Thai ESG ที่มีนโยบายลงทุนในธุรกิจที่ดำเนินงานโดยคำนึงถึงความยั่งยืน (ESG) ซึ่งมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จูงใจ สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท โดยเป็นสิทธิลดหย่อนเพิ่มเติมจากวงเงินสิทธิลดหย่อนภาษี 500,000 บาท ของกลุ่มกองทุนเพื่อการเกษียณ ขณะนี้ มีกองทุน Thai ESG ให้เลือกลงทุนถึง 22 กองทุน จาก 16 บลจ. ซึ่งในช่วงต้นปีแบบนี้ ถือเป็นโอกาสดีของการเริ่มต้นวางแผนลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีด้วยการทยอยลงทุนเป็นประจำทุกเดือนผ่านวิธี DCA สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลหุ้นยั่งยืน หรือ กองทุน Thai ESG สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.settrade.com