เขย่า โผทหาร- ตร. ‘รัฐบาลพิเศษ’ ถึงคิว ‘ตท.23-24’ คุมความมั่นคง
วิเคราะห์กันว่า "ผบ.เหล่าทัพ" ชุดใหม่ จะมาจาก ตท.23 และ ตท.24 เป็นหลัก เพราะมีปลัดกลาโหม ตท.24 ยืนรอหัวแถวอยู่แล้ว เพื่อให้การทำงานสอดผสาน เป็นเนื้อเดียวกัน คือหลักประกันความมั่นคงภายใต้การบริหารของ "รัฐบาลพิเศษ"
ก่อนประชุมสภากลาโหม 24 ส.ค.2566 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายชั้นนายพลของกลาโหม หรือ บอร์ด 7 เสือ กลาโหม ซึ่งเรียบร้อยแล้ว 90% และหากไม่ติดปัญหาใดๆให้ "เหล่าทัพ"ต้องกลับไปปรับแก้ เตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯได้เลย หากไม่สามารถตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ทัน
อย่างที่ "วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ได้ชี้แจงไว้ การแต่งตั้งทหาร ต้องผ่าน บอร์ด 7 เสือ ประกอบด้วย รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งปีนี้มี 4 เก้าอี้ว่างลง คือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ
ทั้งนี้ วิษณุประเมินว่า หากได้รัฐบาลใหม่ภายในวันที่ 1 ต.ค. ต้องใช้เวลาอีก 15 วัน เพื่อแถลงนโยบาย ถึงจะสามารถดำเนินการแต่งตั้งได้ แต่ถ้าช้าเกินกว่านี้ บอร์ด 7 เสือกลาโหมจะเหลือเพียง 3 คน ขณะที่ผู้ทำหน้าที่รักษาการแทนมีส่วนได้เสียในการปรับย้าย ต้องออกจากที่ประชุม จะเกิดปัญหา และต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
สอดคล้องกับการแต่งตั้งตำรวจระดับนายพล ตำแหน่ง ผบ.ตร. ลงไปถึงผู้บังคับการ(ผบก.)ที่กำหนดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ส.ค. ภายใต้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ล่าสุด เพราะหากให้รอ "รัฐบาลพิเศษ"ตามที่ "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สะกิด รัฐบาลรักษาการ เกรงจะเกิดปัญหางานสะดุด เดินต่อไม่ได้
สำหรับเก้าอี้ “ผบ.ทบ.” คนใหม่ เป็นการชิงกันเองของเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 23 (ตท.23) ระหว่าง "บิ๊กต่อ" พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. กับ "บิ๊กโต" พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. แต่คาดว่าชื่อ พล.อ.เจริญชัย เข้าวิน
ส่วนเก้าอี้ “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” ก็เป็นการชิงกันเองเช่นกันเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 24 (ตท.24) ระหว่าง "บิ๊กอ๊อบ" พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทสส. ลูกชาย พล.อ.อิศรพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. กับ "บิ๊กจ่อย" พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร
ทว่า รับรู้เป็นการภายในมาระยะหนึ่งแล้วว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส.คนปัจจุบัน เสนอชื่อ พล.อ.ทรงวิทย์ หลังประกาศรับรองถึงคุณสมบัติ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย และเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจะเป็น ผบ.ทสส.คนต่อไป
ส่วน "กองทัพเรือ" เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง ตท.25 คือ "บิ๊กวิน" พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผช.ผบ.ทร. (ตท.25) น้องชาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ซึ่งถือว่าอาวุโสสูงสุด กับรุ่นพี่ ตท.23 สองคน "บิ๊กโอ๋" พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสธ.ทร. และ "บิ๊กดุง" พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.กองเรือยุทธการ
"กองทัพอากาศ" รอบนี้เป็นการชิงกันเอง เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รอง ผบ.ทอ. กับ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ เสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งต่างเหลืออายุราชการเพียง 1 ปี
แต่ล่าสุดมีชื่อ “พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้ช่วย ผบ.ทอ. (ตท.24) ติดโผมาอีกคน ท่ามกลางกระแสข่าว พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. อยากให้มีความต่อเนื่อง โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ของทัพฟ้า ทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่สหรัฐไม่ขายให้ เพราะ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี มีอายุราชการ 2 ปี
ส่วนเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่ หากยึดตาม มาตรา 78 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ที่พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ลงนามบันทึกข้อความ ที่ 0009.231/2915 "ประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.และ จตช. ลงมาถึง รอง ผบก. เพื่อดำเนินการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งสำคัญประจำปี 2566
ชื่อ “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ดูแลด้านงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ (ตท. 24 )และ นรต.รุ่น 40 ที่อาวุโสอันดับหนึ่ง
รองลงมา "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คู่แข่งสำคัญอีกคน แม้จะเหลืออายุราชการ 7 ปี ขอฮึดสู้ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.ในปีนี้เช่นเดียวกัน
ถัดมาเป็น "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. (ตท.25) นรต.41 มีจุดเด่นวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายได้ มีความรู้ ความสามารถเป็น ผบ.ตร. ได้เช่นกัน โดยจะเกษียณปี 2569
คนสุดท้าย "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ชื่อนี้แม้จะแผ่วช่วงแรกๆ แต่เริ่มมาแรงในช่วงท้าย ทันทีที่พรรคก้าวไกลกลายเป็นฝ่ายค้าน หลังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก่อนส่งไม้ต่อมายังพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม วิเคราะห์กันว่า ผู้นำเหล่าทัพ-ตร. ชุดใหม่ จะมาจาก ตท.23 และ ตท.24 เพราะมี "บิ๊กหนุ่ม" พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม ตท.24 ยืนรอหัวแถวอยู่แล้ว เพื่อให้การทำงานสอดผสาน เป็นเนื้อเดียวกัน หลักประกันความมั่นคง
ภายใต้บริหารงานของ "รัฐบาลพิเศษ"ที่จะรวมทุกพรรคไว้ด้วยกัน สลายขั้ว สลายความขัดแย้ง ร่วมมือขับเคลื่อนประเทศ ไม่เว้นแม้แต่พรรคสองลุง จะเหลือพรรคก้าวไกล และพรรคที่ตกขบวนทำหน้าที่ฝ่ายค้าน