‘ระบอบทักษิณ’ รีฟอร์ม พระเอก ‘อนุรักษนิยมใหม่’

วาทกรรม ‘ระบอบทักษิณ’ ถูกปลุกผีขึ้นมาอีกครั้ง นายใหญ่กลับไทยใต้เงื่อน ไขดีลลับ เวลาเปลี่ยน อำนาจเปลี่ยน จากผู้ร้ายกลายเป็นพระเอก
  
ในวันประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาส่งสัญญาณชัดๆว่า ไม่ใช่อนุรักษนิยมใหม่

“ผมบอกได้เลยว่า ไม่ได้อยู่ในดีเอ็นเอของพรรคเพื่อไทยหรือไทยรักไทย ว่าจะเป็นพรรคอนุรักษนิยม แต่พรรคเพื่อไทยจริงๆ สร้างมาจากไทยรักไทยเป็นพรรคที่รีฟอร์มหรือเป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง”

สำทับด้วยอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า เพื่อไทยไม่ใช่อนุรักษนิยมใหม่ เป็นพรรคผู้นำในการเปลี่ยนแปลง

ทักษิณต้องเร่งสปีดสลัดทิ้งข้อกล่าวหาขวาใหม่ ด้วยคำว่า รีฟอร์ม พร้อมจะพุ่งทะยานสู่สถานะความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

หากทำสิ่งนี้ไม่สำเร็จ ก็ไม่มีวันเอาชนะพรรคสีส้ม ไม่ว่าจะมีชื่อพรรคว่าอะไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า 

ทักษิณ ชินวัตร และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่างระดมสมองจากกลุ่มนักศึกษา นักกิจกรรมที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ก่อนที่จะสร้างนโยบายใหม่ เพื่อการเปลี่ยนแปลง

ปี 2541 ทักษิณเดินสายพบปะแลกเปลี่ยนกับนักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้าน และนักธุรกิจทั่วประเทศ

พรรคไทยรักไทยและพรรคอนาคตใหม่ จึงมีความแตกต่างจากพรรคการเมืองแบบเก่า 

ทีมสื่อสารการเมืองอย่าง SC Matchbox ได้เสนอคำขวัญ “คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน” พร้อมสร้างภาพทักษิณ ให้เป็นนักธุรกิจหนุ่มในสูทสีดำสนิท เสื้อเชิ้ตสีฟ้า ไม่มีเนคไท ไม่มีแหวนรุ่น 

กลยุทธ์สื่อสารทางการเมืองแบบนี้ ไทยรักไทยได้ปฏิวัติความคิดเรื่องผู้นำประเทศใหม่ ผู้นำที่ดีไม่จำเป็นจบโรงเรียนนายร้อย และไม่จำเป็น ต้องเป็นข้าราชการเก่า 

พูดง่ายๆ ทักษิณต้องการสื่อสารว่า คนเท่ากัน เหมือนที่ธนาธรประกาศอุดมการณ์พรรคอนาคตใหม่

ทักษิณยังปฏิรูปนโยบายหาเสียง กลายเป็นชุดประชานิยมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อทักษิณเป็นนายกฯ จึงดำเนินการปฏิรูประบบราช การ ปฏิรูปนโยบายด้านการต่างประเทศ และปฏิรูปกองทัพ

การเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงใหม่ ภายใต้รัฐบาลเสียงข้างมาก ทำให้ชนชั้นนำเริ่มระแวงทักษิณ

ผู้จุดไฟระบอบทักษิณ

วาทกรรมระบอบทักษิณ ไม่ได้เริ่มต้นจาก สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งค่ายผู้จัดการ หากแต่เกิดจาก 3 สหายอย่าง ปุ๊-ธนาพล อิ๋วสกุล ,เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน สมัยที่ก่อตั้งสำนักฟ้าเดียวกัน ได้คิดอ่านจัดสัมมนาใหญ่

เดือน ม.ค. 2547 วารสารฟ้าเดียวกัน ต๋อม ชัยธวัช เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดสัมมนาระดมความคิดเรื่อง “ระบอบทักษิณ ความเป็นมา และความเป็นไปในอนาคต” โดยมีนักวิชาการ 30 คนเข้าร่วม

‘ระบอบทักษิณ’ ที่นักวิชาการไทยตั้งวงวิพากษ์ในปี 2547 มีคำอธิบายต่างจากแกนนำพันธมิตรฯ ที่หยิบฉวยไปใช้ในทางการเมือง

เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ นิยามระ บอบทักษิณคือ ระบอบอาญาสิทธิทุนนิยมจากการเลือกตั้ง เป็นระบอบการเมืองที่กลุ่มทุนรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จผ่านการเลือกตั้ง หรือใช้การเลือกตั้งเป็นฐานสร้างความชอบธรรมให้กับกลุ่มทุน-ผู้มีอิทธิพล ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

ระบอบทักษิณ เป็นผลพวงมาจากการปฏิรูปการเมืองภายใต้รัฐธรรม นูญ 2540 และการรับมือกับระบอบทักษิณ คือการสร้างมาตรการควบคุมการใช้อำนาจของเสียงข้างมากที่สอดคล้องกับระบอบประชา ธิปไตย

นักวิชาการเสนอทางออกโดยอิงกติกาประชาธิปไตย ตรงกันข้ามกับพลังจารีตฉวยโอกาสปลุกผีทักษิณ ความขัดแย้งบนท้องถนน จึงจบลงที่การรัฐประหาร

ทักษิณเวอร์ชั่นใหม่

สภาพความเป็นจริงทางการเมือง หลังทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทย พร้อมกับการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐา ที่มี ‘พรรค 2 ลุง’ เข้าร่วมด้วย ทำให้คนในเพื่อไทย รู้สึกเจ็บปวดแต่ก็ต้องเลือกหนทางนี้

จริงๆแล้ว ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย เจอข้อหาไม่เอารีฟอร์ม สลัดทิ้งหัวใจนักปฏิรูป สนใจปั้นนโยบายเศรษฐกิจปากท้องมากกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง ก็ตกเป็นรองก้าวไกล

พรรคก้าวไกล จึงเปิดแคมเปญมีลุง ไม่มีเรา ทำเอาพรรคเพื่อไทยเสีย ศูนย์ และคะแนนนิยมร่วง ส่งให้ก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง

ภายใต้เงื่อนไขดีลลับ ทักษิณปฏิเสธไม่ได้ว่า เป้าหมายของฝ่ายอนุรักษนิยม คือสลายขั้วฝ่ายประชาธิปไตย โดดเดี่ยวก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคอันดับหนึ่งที่ปราศจากพันธมิตรทางการเมือง

นี่คือการเขียนบทใหม่ให้ทักษิณ และพรรคการเมืองในระบอบทักษิณ ซึ่งเคยอยู่ขั้วตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยม 

อย่างไรก็ตาม การถูกประทับตรา ‘อนุรักษนิยมใหม่’ กลับทำให้คะแนนนิยมของเพื่อไทยดิ่งเหว

ดังนั้น แนวโน้มในการชูความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เพื่อดิ้นหนีจากการเป็นอนุรักษนิยมใหม่ จึงอุบัติขึ้นในที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย

นับจากนี้ไป ภาพทักษิณ ดีเอเอแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้จุดประกายการปฏิรูปการเมือง เมื่อ 26 ปีที่แล้ว จะถูกชูให้สูงเด่น เพื่อเรียกความศรัท ธาและเชื่อมั่นคืนกลับมา