“ทรัมป์2 จะใช้ Project 2025 ทำรัฐประหารอเมริกา?”
Project 2025 ทำให้สหรัฐอเมริกาปิดประเทศ หรือถอนตัวออกจากบทบาทที่เป็นผู้นำโลกในระเบียบปัจจุบันและที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องโลกร้อนและพลังงานสะอาดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
เดือนสิงหาคมนี้อุณหภูมิการเมืองร้อนสุด การเลือกตั้งในสหรัฐฯเหลือเวลาอีกเพียงแค่ประมาณ 90 วัน
โพลล่าสุดออกมาสูสีมาก ขึ้นอยู่กับว่าสำนักใดประเมิน อดีตประธานาธิบดี Donald Trump แห่งพรรครีพับลิกันยังมีคะแนนนำเล็กน้อย ส่วนเดโมแครตกำลังตีตื้นขึ้นมาด้วยโมเมนตัมของแม่ทัพคนใหม่คือรองประธานาธิบดี Kamala Harris ซึ่งกำลังคัดสรรว่าใครจะมาเป็นหมายเลข2ของตน เพื่อเข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้
ทุกครั้งที่มีการปราศรัยหาเสียงซึ่งมีสื่อมวลชนทำข่าวอย่างล้นหลามและผู้สนับสนุนเข้าเชียร์ล้นทุกสถานที่ Kamala Harris จะกล่าวเตือนว่า “Project 25 จะถูกนำมาใช้ หากทรัมป์กลับเข้ามามีอำนาจสมัยที่สอง”
ทรัมป์เองได้ปราศรัยหาเสียงล่าสุด 27 กรกฎาคม 2024 ว่า “เลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะฉันจะเข้าไปจัดการอะไรบางอย่าง”
สัญญาณนี้หลายฝ่ายเตือนว่า “ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำขู่ แต่เป็นการวางแผนโดยละเอียดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัดมาเป็นเวลานานแล้ว ให้ทรัมป์ใช้โปรเจ็ค 2025 ล้างแค้นทางการเมือง โค่นล้มประชาธิปไตย เปลี่ยนอเมริกาเป็นเผด็จการ ปฏิรูปสังคมอเมริกันหันไปย้อนยุค ลดสิทธิสตรีและชนกลุ่มน้อย สร้างกำแพงสูงปิดประเทศ สะเทือนระเบียบโลกปัจจุบัน”
ทรัมป์ 2 จะล้มประชาธิปไตยเพื่อหันไปเป็นเผด็จการ?
อะไรคือ Project 2025 มันน่ากลัวจริงไหม จะหาข้อมูลได้ที่ไหน?
เรื่องนี้ไม่ยากเพราะฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ปฏิเสธที่ได้ทำเรื่องนี้ไว้พร้อมที่จะเป็นแนวทางให้ทรัมป์2 มีเครื่องมือทำตามแผนอย่างจริงจัง เมื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. “2025” และย้ำว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดเพื่อ “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” “Make America Great Again” (MAGA)
Project 2025 คืออะไร
Project 2025 เป็นคู่มือ 922 หน้า ประพันธ์โดยพันธมิตรของทรัมป์และกลุ่มนักคิดอนุรักษ์นิยม The Heritage Foundation และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมอื่นๆมากกว่า 100 กลุ่ม เพื่อ เสนอนโยบายเป็นแนวทางในการบริหารแบบอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง
อ่าน Project 2025 เป็นทางการได้ที่นี่ https://www.project2025.org/
Project 2025 เป็นจินตนาการใฝ่ฝันมานานที่อยากจะเห็นประธานาธิบดีฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ทำการปฏิรูปหรือปฏิวัติเงียบเมื่อชนะการเลือกตั้ง กวาดตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทุกฝ่ายในวอชิงตันดีซี ทั้งตำแหน่งประธานาธิบดีได้คุมทำเนียบขาวบริหารรัฐบาลกลาง และเสียงข้างมาก ด้านนิติบัญญัติได้คุมสองสภา คือ วุฒิสภาฯ U.S.Senate และสภาผู้แทนฯ U.S.House of Representatives
นโยบายสังเขปของ Project 2025
1) ศูนย์รวมอำนาจของประเทศอยู่ที่ประธานาธิบดี
ทรัมป์จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ และ จะแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่มาแทนชุดเก่าซึ่งฝ่ายขวาตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มข้าราชการระดับสูงประมาณ 50,000 คนเป็น deep state และพวกเขาขัดขวางการทำงานของกลุ่มอนุรักษ์นิยมมาโดยตลอด
ประธานาธิบดีประกาศกฎอัยการศึกได้ ใช้ทหารเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุขไม่ให้มีอำนาจในการบังคับเรื่องวัคซีนและโรคติดต่อ ยกเลิกกระทรวงศึกษา
2) ทำนโยบายหลักของอนุรักษ์นิยมให้สำเร็จ
เช่น ปัญหาเรื่องคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจับกุม 15 ล้านคนเพื่อเนรเทศ จะลดหรืองดการออกวีซ่าให้ชาวมุสลิม ส่งเสริมการประหารชีวิต ยกเลิกการลงทุนแก้ไขปัญหาโลกร้อน ปกป้องชาวผิวขาว ลดสิทธิพิเศษของชาวผิวสีและคนกลุ่มน้อย ตัดงบประมาณดูแลรักษาสุขภาพคนชราและรายได้น้อย กำจัดนโยบายที่ขัดขวางการขุดเจาะน้ำมันและพัฒนาปิโตรเลียม ลดอัตราภาษีเงินได้ ลดงบประมาณที่ช่วยเหลือคนจน เพิ่มการแข่งขันให้กับการผลิตสินค้าและบริการในสหรัฐ ใช้กำแพงภาษีเป็นอาวุธ ลดงบประมาณช่วยเหลือประเทศอื่น ลดกฎระเบียบของรัฐบาลที่ควบคุมอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มอำนาจให้กลุ่มทุนนิยม ฯลฯ
3) ผลักดันสังคมไปในทิศทางที่สอดคล้องกับศาสนาคริสต์และประเพณีดั้งเดิมของอเมริกา
ทำให้ครอบครัวและสังคมมีความมั่นคงมากขึ้น และเชื่อว่าปัจจุบันนี้นโยบายเสรีนิยมคือเหตุแห่งความอ่อนแอในสังคม
สิทธิในการตั้งครรภ์หรือทำแท้งของสตรีหรือการคุมกำเนิดจะต้องอยู่ในความควบคุมของภาครัฐ การเผยแพร่สิ่งลามกออนไลน์ทำลายจริยธรรมฉะนั้นผู้ใดละเมิดจะถูกลงโทษถึงขั้นจำคุก
กำจัดกฎหมายปกป้องสิทธิของ LGBTQ +
รายได้ของบุคคลคนเดียวสามารถเลี้ยงทั้งครอบครัวได้ บิดาเป็นผู้ออกไปทำงานนอกบ้าน ส่วน มารดาอยู่บ้านดูแลลูก ส่งเสริมการมีครอบครัวใหญ่(ลูก3-5คน) ครอบครัวเข้าโบสถ์เป็นประจำ ทำให้ละแวกบ้านมีความปลอดภัยจากอาชญากรรม เป็นต้น
ผลกระทบของทรัมป์2/Project 2025 ต่อไทย
นอกจากปัญหาเศรษฐกิจเรื่องกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของอเมริกาจากทุกประเทศ 10% และจากจีน 60% ซึ่งจะกลายเป็นผลกระทบลูกโซ่ ทำให้สินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาเงินเฟ้อ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากคือความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายแห่งในโลกพร้อมกัน โดยเฉพาะเหตุการณ์ล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับศัตรูรอบข้าง โดยเฉพาะอิหร่านซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนซีเรีย Hezbollahในเลบานอน ฮามาสในกาซ่า และกลุ่มฮูติในเยเมน และในเอเชียคือจุดเสี่ยงมากที่ช่องแคบไต้หวันและเกาหลีเหนือ ฯลฯ
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะควบคุมไม่ได้หาก Project 2025 ทำให้สหรัฐอเมริกาปิดประเทศ หรือถอนตัวออกจากบทบาทที่เป็นผู้นำโลกในระเบียบปัจจุบันและที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเรื่องโลกร้อนและพลังงานสะอาดที่ต้องการความร่วมมือจากทุกประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาครับ