นายกฯ แพทองธารไม่เหลือเวลาเรียนรู้งาน

นายกฯ แพทองธารไม่เหลือเวลาเรียนรู้งาน

เป็นที่แน่ชัดว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะผลักดันนโยบายสำคัญอย่างน้อย 4 นโยบาย ประกอบด้วย นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ , นโยบายการปราบปรามยาเสพติด , นโยบาย30 บาทรักษาทุกที่ และนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยยืนยันที่จะนำ

ประเทศชาติให้ผ่านอุปสรรคทั้งหลาย รวมถึงการเร่งรัดแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งจะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาภายในเดือน ก.ย.2567

คำถามที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ถูกถามทันทีที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 คือนโยบายการแจกเงินดิจิทัลให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะเดินหน้าต่อหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันที่จะต้องมีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าการดำเนินการจะต้องอยู่ในกรอบ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ซึ่งฟังดูแล้วอาจทำให้คิดได้ว่านโยบายดังกล่าวจะไม่เดินหน้าต่อทันทีที่รัฐบาลเข้าบริหารประเทศ เพราะต้องย้อนกลับมารับฟังความเห็นอีกครั้ง

นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งเป้าหมายให้เป็นการสร้างแรกกระตุกเศรษฐกิจที่สำคัญ หลังจากเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่การดำเนินการมีความล่าช้าเพราะไม่สามารถใช้วิธีการเกลี่ยงบประมาณและใช้รายได้จากภาษีที่รัฐบาลเก็บได้เพิ่มได้ทันที ซึ่งทำให้การแจกเงินดิจิทัลขยับกรอบเวลาจากเดือน ก.พ.2567 เป็นไตรมาส 4 ปี 2567 และยังมีความเสี่ยงทางข้อกฎหมายในภายหลัง 

นายกรัฐมนตรีคงเห็นแล้วว่านโยบายบางนโยบายดำเนินการได้ยาก ดังนั้นจำเป็นที่รัฐบาลใหม่ต้องพิจารณากำหนดกรอบนโยบายที่มีความเป็นไปได้มากกว่าการพิจารณาถึงคะแนนนิยมของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งมีหลายนโยบายที่รัฐบาลควรดำเนินการ โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ไม่ใช่เรื่องระยะยาวแล้ว แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรดำเนินการทันที เพราะมีหลายตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังถดถอย เช่น การส่งออกสินค้า

ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังลูกผีลูกคน โดยหลายหน่วยงานทยอยปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รัฐบาลนายเศรษฐา ประกาศขับเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5% ในปี 2567-2570 แต่เศรษฐกิจไทยมีปัญหาทั้งภายในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูง

รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ยอมรับว่าไม่ได้วางแผนในการเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ อาจจะไม่มีเวลาให้เรียนรู้งานเพราะสถานการณ์ขณะนี้ต้องลุยทำงานไปข้างหน้าอย่างเดียว