ลอดลายมังกร 'แซ่คู - แซ่จึง' ทักษิณ - ธนาธร ต่างวิถีต่าง 'อุดมการณ์'

เส้นแบ่งผู้นำจิตวิญญาณ “ทักษิณ” มีความต่างจาก “ธนาธร” ทั้งวิถีการเมือง - อุดมการณ์ แม้จะมีเรื่องเล่าดีลฮ่องกงกระหึ่มเมือง
วิถีมังกรพลัดถิ่น “แซ่คู” (ชินวัตร) และ "แซ่จึง" (จึงรุ่งเรืองกิจ) จากโลกธุรกิจสู่ยุทธจักรการเมือง มีทั้งความเหมือนและความต่าง
ความสัมพันธ์ของ “ทักษิณ-สุริยะ” มาจากเบ้าหลอมการเมืองเก่า ต่างจาก “ธนาธร” ที่เติบโตมาจากการเมืองภาคประชาชน
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การเมืองเรื่อง “ผู้ชักใย” หรือ “ผู้นำหลังม่าน” กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อพรรคประชาชน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว พรรคเพื่อไทย แต่ในญัตติมีการระบุชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
วันก่อน ทักษิณ ชินวัตร ตัวละครนอกสภา จึงให้สัมภาษณ์ทำนองไม่พอใจแกนนำรุ่นใหม่ของพรรคประชาชน ที่เล่นเกมแบบนี้
เมื่ออดีตนายกฯ ทักษิณ ถูกสื่อถามถึงประเด็นเป็น “นั่งร้าน” ให้ลูกสาวแบบโชว์ความเก๋าว่า “..ประเด็นนี้ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันหรือยังว่าจะเล่นประเด็นนี้”
การโยนลูกไปที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตัวเขากับธนาธรนั้น รู้จักมักคุ้นกันอยู่
ถ้อยวลีสั้นๆ ที่ว่า “ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือไม่” จึงทำให้หลายคนนึกถึงเรื่อง “ดีลฮ่องกง” เมื่อกลางปี 2566
ความจริงที่ฮ่องกง
เมื่อเอ่ยถึง “ดีลฮ่องกง” คงต้องย้อนไปช่วงงานวันเกิดของทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายเดือนก.ค.2566 ซึ่งเวลานั้น มีข่าว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บินไปฮ่องกง พบกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่พักอยู่ในโรงแรมเพนนินซูล่า
ผ่านมาถึงช่วงปลายเดือนม.ค.2568 ธนาธร ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดยตอนหนึ่งเขาพูดถึง “ดีลฮ่องกง” ซึ่งเรื่องดีลการเมืองไม่มีอยู่จริง มีแต่ตัวเขาไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ
ธนาธร ยืนยันว่า “ตอนนั้นแตกแล้ว” หมายถึงพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จบดีลการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว จบก่อนที่ธนาธรจะเดินทางไปฮ่องกง
“พวกเราเสียใจมากจริงๆ วันนั้นที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย” ธนาธร กล่าว และสื่อให้เห็นว่า “ดีลข้ามขั้ว” เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลเศรษฐานั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ชายคนนั้น
“วาระหลักๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาคุณทักษิณ กลับบ้าน ย้ำอีกครั้งว่า พอไปเกิดดีลแบบนี้ ทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย”
บทสัมภาษณ์ครั้งนั้น ธนาธรจงใจนำเสนอเพื่อให้ด้อมส้ม และคนทั่วไป พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย ไม่มีดีลลับ ไม่มีเกี้ยเซี้ยกันตลอดช่วงเวลาสภาฯ ชุดนี้
ลอดลายแซ่คู-แซ่จึง
ว่ากันตามจริง ตระกูล “แซ่คู” (ชินวัตร) กับ “แซ่จึง” (จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นมิตรแท้ทั้งในโลกธุรกิจ และการเมือง สะท้อนผ่าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ และพรรคไทยรักไทย
อย่างไรก็ตาม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีความแตกต่างกัน ทั้งจุดยืน และอุดมการณ์ทางการเมือง
คลี่สาแหรก “จึงรุ่งเรืองกิจ” โหลยช้วง แซ่จึง กับบ่วยเชียง แซ่โป่ว มีบุตร 5 คน คือ
- สรรเสริญ จุฬางกูร
- พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ
- โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
- อริสดา จึงรุ่งเรืองกิจ
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าสู่วงการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ปี 2536 และนั่งเก้าอี้ รมช.อุตสาหกรรม รัฐบาลชวน ปี 2541 ในโควตาพรรคกิจสังคม
“อาเจ็ก” ของธนาธร เริ่มมีบทบาทโดดเด่นสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ช่วงปี 2544-2549 ได้เป็นเลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีคมนาคม
ปี 2545 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้พบกับทักษิณเป็นครั้งแรก เมื่อ “อาเจ็ก” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม พานายกฯสมัยนั้น มาเยี่ยมบิดา(พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ) ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
หลังจากวันนั้น ธนาธรไม่เคยเจออดีตนายกฯ ทักษิณ อีกเลย เพราะเขาสนใจ “การเมืองใหม่” ไม่เห็นด้วยกับวิถีการเมืองเก่าที่ “อาเจ็ก” เลือกทางเดินอยู่ จึงไม่สนใจที่คบค้าสมาคมกับคนในตระกูลชินวัตร
อย่างเช่นสมัยรัฐบาลชวน 2 สุริยะเป็น รมช.อุตสาหกรรม ส่วนธนาธร เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ เข้าร่วมทำกิจกรรมการเมืองนอกสภากับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)
“.. เฉพาะกรณีโครงการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ทะเลาะกับคุณอา (สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) บ่อยมาก เพราะตอนนั้นคุณอาเป็นรัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม ปกติผมกับคุณอาไม่ค่อยเจอกัน จะเจอกันตามงานครอบครัว งานเช็งเม้ง ไหว้อากง เจอกันทีไรก็ทะเลาะกันทุกที”
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์นิตยสารคดี เมื่อปี 2550 ได้บอกเล่าเรื่องราวในครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่มองว่า เขาเป็นคนนอกคอก
“ช่วงนั้นผมกับคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันบ่อยมากเรื่องว่าผมจะใช้ชีวิตยังไง” และไม่เฉพาะบิดา พัฒนา และมารดา สมพรเท่านั้น บรรดาวงศาคณาญาติ “แซ่จึง” ก็รู้สึกอิดหนาระอาใจกับตัวเขา
“เวลาเจอใครในครอบครัวก็โดนเขาถากถางตลอด ว่าเป็นพวกโน้น ไม่ใช่พวกเรา...”
เส้นแบ่งการเมืองเก่า-ใหม่
ในวันที่ ธนาธร ให้สัมภาษณ์นิตยสารคดี เมื่อปี 2550 มีคำถามสุดท้ายที่ว่า หากพ่อ (พัฒนา) ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะเลือกเดินทางสายไหน
“ถ้าพ่อผมยังอยู่ บวก ลบ คูณ หารแล้วคงไม่ได้กลับมาที่นี่(ไทยซัมมิท)แน่นอน ก็คงยังอยู่ในแนวทางภาคประชาชนต่อไป”
ไม่แปลกที่ธนาธร จะบอกว่า สมัยที่เขายังเป็นนักกิจกรรม คบหาเพื่อนพ้องสายเอ็นจีโอ ทะเลาะกับพ่อ และแม่บ่อยมาก
3 ทศวรรษที่แล้ว คอลัมนิสต์การเมืองที่ชอบเขียนข่าวกอสซิปจะทราบดีว่า สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นของนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง มีรัฐมนตรี สส. และนักธุรกิจมาออกรอบตีกอล์ฟเป็นประจำ
พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มักมีข่าวอยู่บ่อยๆว่า ออกรอบตีกอล์ฟร่วมกับมนตรี พงษ์พานิช และเสนาะ เทียนทอง ที่สนามกอล์ฟแห่งนี้
ปี 2534 บริษัท ซัมมิทโอโตซีท อินดัสตรี จำกัด เข้ามาขอซื้อกิจการสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ เนื่องจากสรรเสริญ จุฬางกูร ชอบเล่นกอล์ฟมาก อยากจะมีสนามกอล์ฟส่วนตัวสักแห่ง โดยมอบให้ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนดูแล
พ.ศ.นี้ ทั้งโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ และสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังเลือกเดินไปตามวิถีการเมืองเก่า ส่วนหลานชาย-ธนาธร ยังมั่นคงในวิถีการเมืองใหม่
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์