ปอกเปลือก 'ธนาธร' จาก 'ดีลฮ่องกง' ถึง 'ดีลแลกประเทศ'

ปอกเปลือก 'ธนาธร'  จาก 'ดีลฮ่องกง' ถึง 'ดีลแลกประเทศ'

บัดนี้ ประชาชนมีพรรคเป็นของตัวเอง "ธนาธร"จึงไม่สนว่า "ทักษิณ"และเพื่อไทย จะเปิดดีลลับกับใคร แคมเปญ “ดีลแลกประเทศ” จึงเป็นศึกซักฟอกระบายแค้นคนใน "ตระกูลชินวัตร"

KEY

POINTS

  • คนต้นเรื่องดีลแลกประเทศ “ธนาธร” ผู้นำจิตวิญญาณพร

ปฏิเสธไม่ได้ว่า มติซักฟอก นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เพียงคนเดียวของพรรคประชาชน หนีไม่พ้นเงาความคิดของ “เอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า

พลันที่เฟซบุ๊กพรรคประชาชน โพสต์ภาพพร้อมข้อความเปิดแคมเปญอภิปรายไม่ไว้วางใจในหัวข้อ “ดีลแลกประเทศ” ก็ชัดเจนว่า นี่คือปมแค้นที่ฝังลึกในใจแกนนำพรรคสีส้มทุกรุ่น

“18 เดือนภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงของประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไร เพื่อให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี”

ตัดภาพจาก “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ยืนแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ไปที่ใบหน้าของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2568

“ผมกล้าพูดเหมือนกันว่า ในประเทศไทย ไม่มีใครเสียใจกว่าผมแน่ ๆ เสียใจที่เราไม่มีโอกาสไปพัฒนาประเทศ ผมเชื่อว่า มันมีทั้งพลังของเพื่อไทยและก้าวไกล ณ วันนั้น ที่จะผนวกกันเพื่อพาประเทศไทยไปข้างหน้าได้ ผมเสียดายโอกาสตรงนี้มาก”

เอก ธนาธร เล่าเบื้องหลัง “ดีลล่ม” เมื่อกลางปี 2566 “...ดูหลังผมสิครับ มีดปักเต็มเลย ไม่กล้านั่งพิงเลย ยังเจ็บอยู่ทุกวันนี้เลยครับ”

วันนั้น ธนาธรพูดทั้งน้ำตา “พวกเราเสียใจมากจริงๆ วันนั้นที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย”

ผู้ก่อการพรรคอนาคตใหม่บอกผ่านหน้าจอออนไลน์ว่า สาเหตุที่ดีลล่มดีลล้ม เชื่อว่าทุกคนรู้ดี

“วาระหลักๆ มันไม่ใช่เรื่องการพัฒนาประเทศ แต่เป็นวาระเรื่องพาคุณทักษิณกลับบ้าน..พอไปเกิดดีลแบบนี้ ทำให้การแก้ปัญหาที่โครงสร้างมันเป็นไปไม่ได้เลย”

หากจะสรุปว่า คำพูดประโยคนี้คือ ที่มาของ “ดีลแลกประเทศ” ในศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นในสภาฯ ก็ใช่เลย

จะว่าไปแล้ว ความแตกต่างของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน น่าจะอยู่ที่พรรคหนึ่งมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นเสมือนเจ้าของพรรค และอีกพรรคหนึ่ง มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำทางความคิด

พรรคไทยรักไทย เกิดจากทักษิณ ในวันที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เป็นอัศวินคลื่นลูกที่สาม รวยแล้วอยากเล่นการเมือง

ทักษิณประสบความล้มเหลวจากการเข้าไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม จึงมอบให้คนกลุ่มหนึ่งไปศึกษาเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และกลายเป็นพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2544

ต่างจากพรรคอนาคตใหม่ ที่เริ่มก่อการโดยคนหนุ่ม เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน และป๊อก-ปิยบุตร แสงกนกกุล

หลังการลงประชามติรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นชัยชนะของ คสช. เอก ต๋อม และป๊อก พร้อมกับเพื่อนๆ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

พวกเขาเริ่มจากประโยคที่ว่า “เราจะอยู่กันแบบนี้เหรอ” นี่คือจุดเริ่มต้นการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่

วันแรกๆ ของการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เอก ธนาธร บอกเพื่อนๆว่า “อย่าไปคิดถึงผลการเลือกตั้ง ชนะทางอุดมการณ์ก่อน..ยึดกันด้วยอุดมการณ์เท่านั้นถึงจะชนะได้ เกมยาวอย่างเดียว”

อุดมการณ์ของเอก ธนาธร และผองเพื่อนคืออะไร คงต้องย้อนไปอ่านบทสัมภาษณ์ของธนาธร ในนิตยสารสารคดี ปี 2550

วันที่ธนาธร ยอมเปิดตัวครั้งแรกผ่านนิตยสารชื่อดัง ขณะนั้น ประเทศไทยอยู่ใต้เงาปืน หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549

“ตั้งแต่ผมเกิดมา ผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจครั้งไหนเท่าช่วงเวลาปัจจุบัน รู้สึกอึดอัด โกรธ แล้วก็สมเพชตัวเอง สมเพชสังคมไทยด้วย ที่ปล่อยให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น”

รัฐประหาร 2549 ก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงในหมู่ปัญญาชนคนรุ่นใหม่ มีการอธิบายความเป็นนักประชาธิปไตยแตกต่างกันไป

“แล้วผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันตอกย้ำลักษณะของสังคมไทย ในเรื่องความเป็นอำมาตย์ ความเป็นศักดินา มันตอกย้ำว่าสังคมไทยมีลักษณะแบบนั้นอยู่จริง”

ดังนั้น เมื่อเกิดรัฐประหาร 2557 ตามมาด้วยการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ธนาธร และผองเพื่อน จึงไม่ยอมทนอยู่ในสภาพแบบเดิม

ชัยชนะของพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 เป็นชัยชนะของประชาชนที่มาเร็วกว่าแกนนำส้มรุ่น 1 คาดคิดไว้ พวกเขาจึงตั้งความหวังไว้สูงลิ่วว่า จะได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย

เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่า แดง-ส้ม จับมือกันไม่ได้แล้ว ทำไมธนาธร จึงเดินทางไปพบทักษิณที่ฮ่องกง

ธนาธร บอกว่า บางเรื่องยังพูดไม่ได้ เมื่อเกษียณทางการเมือง ได้พูดคุยกับปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าจะเขียนหนังสือสักเล่ม

เอาเข้าจริง ธนาธรมีความพยายามจะทำงาน “ความคิด” กับทักษิณ แต่ก็รู้ว่า เป็นไปได้ยาก เพราะในอดีต ธนาธรก็เคยวิพากษ์ระบอบทักษิณ

เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ธนาธรให้สัมภาษณ์เรื่องแนวคิดการทำพรรคการเมืองของภาคประชาชน โดยยกตัวอย่างสมัยรัฐบาลทักษิณ

“หากขบวนการภาคประชาชนมีจริง ก็สามารถตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาต่อสู้ได้...ทำงานเย็น(งานจัดตั้งทางความคิด)มากพอ ผมว่าตรงนั้นเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดที่จะตั้งพรรคการเมือง..แต่ที่ผ่านมา เราไม่ได้ทำงานจัดตั้งทางความคิดเลย”

บัดนี้ ประชาชนมีพรรคการเมืองเป็นของตัวเอง ธนาธรจึงไม่สนใจว่า ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย จะเปิดดีลลับกับใคร

แคมเปญ “ดีลแลกประเทศ” ของพรรคประชาชน จึงเป็นศึกซักฟอกระบายแค้นคนในตระกูลชินวัตร ส่วนการอภิปรายไม่ไว้ใจ 10 รัฐมนตรี คงจะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางปีนี้