พัฒนาการการบริหารจัดการอาคารชุด (จบ)

พัฒนาการการบริหารจัดการอาคารชุด (จบ)

คราวที่แล้ว เรามาทำความเข้าใจกับประวัติความเป็นมาของคอนโดมิเนียมในประเทศไทยกัน แต่เมื่อคอนโดมิเนียมได้เติบโตไปอย่างมาก การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนางานบริการต่างๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะไลฟ์สไตล์ของคนในเมืองได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนะคะ

การพัฒนาบุคลากร รองรับการเติบโตของธุรกิจ

การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรมืออาชีพจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติ บริษัท LPP ได้เตรียมพร้อมโดยพัฒนาบุคลากรภายใต้โครงการ CMTC (Community Management Trainee Course) ตั้งแต่ ปี 2539 โดยเปิดรับบุคคลภายนอกและในองค์กรที่มีความสนใจในธุรกิจนี้ เพื่อเข้ารับการอบรมจากวิทยากรภายในที่เชี่ยวชาญในงานแต่ละสาขา จนเกิดเป็น Tacit Knowledge ซึ่งคือความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และเป็นความรู้เฉพาะบุคคล ที่มาจากการสั่งสมประสบการณ์จากการลงมือทำ ลองผิดลองถูก โดย Signature Course นี้ ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ส่วนแนวทางในการบริหารจัดการอาคารชุดก็จะออกแบบและปรับตาม concept การพัฒนาโครงการนั้นๆ

การริเริ่มงานบริการแบบ Full Service

ใน ปี 2548 LPN ริเริ่มพัฒนาโครงการที่ให้บริการลูกค้าที่อยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์พร้อม เบ็ดเสร็จภายในโครงการ โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องออกไปใช้บริการภายนอกเลย เช่น บริการ laundry ร้านทำผม ร้านมินิมาร์ท ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ หรือร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำ ฯลฯ ถือเป็นต้นแบบของการริเริ่มจัดสรรร้านค้า (shop) ที่ให้บริการที่ตรงกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยโดยแท้จริง โดย LPP เป็นแกนหลักในการกำหนดงานบริการที่สำคัญและจำเป็น ภายใต้ประสบการณ์การดูแลลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้บริหารจัดการร้านค้าต่างๆ อีกด้วย

ผู้ประกอบการเริ่มเห็นความสำคัญ

ราว ปี 2552 ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายต่างๆ ได้เริ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น ด้วยราคาที่จับต้องได้ง่ายส่งผลให้ “ซิตี้ คอนโด” เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่เกาะตามแนวรถไฟฟ้าในเขต CBD ทำให้ผู้ประกอบการต่างก็เริ่มเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการอาคารชุดเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ ผู้ประกอบการจึงได้เริ่มจัดตั้งบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการอาคารชุดที่ได้พัฒนาขึ้น เช่น บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะเวิร์คส์ คอมมิวนิตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น บางรายก็เลือกที่จะใช้บริการของบริษัทที่รับบริหารจัดการอาคารชุด เพราะมีความชำนาญและประสบการณ์ที่มากกว่า ในขณะที่อาคารชุดผุดขึ้นมากมาย แต่บริษัทรับบริหารจัดการอาคารชุดที่เชี่ยวชาญยังมีน้อย จึงถือเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับบริษัทที่ต้องการดูแลงานบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ

รู้เท่าทันเทคโนโลยี ให้บริการอย่างเท่าเทียม

นอกจากการพัฒนาด้านงานบริการ ที่ควรติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการบริการที่ทันสมัย ตรงกับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น การนำตู้ vending machine มาให้บริการ การเดินทางภายในโครงการด้วยพาหนะที่ทันสมัยแล้ว ฯลฯ ช่องทางในการสื่อสารกับผู้อยู่อาศัยก็สำคัญ ในยุคที่ AI พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารจัดการอาคารชุดก็ควรพัฒนาช่องทางการติดต่อกับผู้อยู่อาศัยที่ทันสมัย สะดวก และตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย (ทุกที่ ทุกเวลา) และถึงแม้แต่ละโครงการจะจับกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน แต่ก็ควรให้บริการต่อลูกค้าอย่างมีมาตรฐานและมีความเหมาะสม

Young Gen กับบทบาทการเป็นคณะกรรมการนิติบุคคลฯ

ปัจจุบัน คนที่เข้ามามีบทบาท สละเวลาเพื่อเป็นคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด มีความหลากหลายมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะอายุน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความคิดในการบริหารจัดการเพื่อการใช้ชีวิตต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ ยังรู้กฎหมายเกี่ยวกับการอยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งถ้าคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมก็จะเป็นประโยชน์กับชุมชน แต่หากใช้ช่องว่างทางกฎหมายหาประโยชน์ส่วนตน ก็น่าเห็นใจผู้อยู่อาศัยในชุมชนนั้นๆ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนที่พร้อมจะทุ่มเท มีความพร้อมที่จะสมัครมาเป็นกรรมการก็มีแนวโน้มลดลง ผู้บริหารจัดการอาคารชุดจึงต้องใช้หลากหลายกลยุทธ์ในการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การอยู่อาศัยตรงตามความต้องการที่แท้จริงของเจ้าของห้องชุดมากที่สุด

สังคมอยู่ได้ ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจกัน

ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะรวดเร็วและทันสมัยแค่ไหน สังคมก็ยังต้องการความสงบสุขในการอยู่อาศัยร่วมกัน ในขณะที่วัฒนธรรมในการอยู่อาศัยเริ่มเปลี่ยนไปดังเช่นเมืองใหญ่ทั่วโลก ที่เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างอยู่ ผู้บริหารจัดการอาคารชุดในสังคมนั้นๆ จึงจำเป็นต้องเพิ่มบทบาทในการเป็นผู้นำเพื่อเชื่อมสายสัมพันธ์ของชุมชนให้แข็งแกร่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างเป็นลมใต้ปีกให้กันและกัน เชื่อแน่ว่าชุมชนนั้นๆ จะเต็มไปด้วยความสุขที่แท้จริงอย่างแน่นอน ด้วยความร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน ตามอัตลักษณ์ของสังคมไทยเรา จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ก่อให้เกิดความร่มเย็นในจิตใจ และจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความร่วมมือจากทุกส่วนในสังคมนะคะ