สอนลูกสอนโลก (จบ)
สิ่งที่สมควรแก่การถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้มีเพียงแค่ทรัพย์สินเงินทองแต่ยังมีภูมิปัญญาและความคิดที่สามารถทำให้เขานำไปต่อยอดเพื่อสร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ซึ่งใน “ Think out ofThe Box ” ได้เกริ่นถึงหลักคิด 4 ข้อแรกไปแล้ว
โดยข้อแรกคือ อ่อมน้อมถ่อมตน ไม่ทะนงตนหยิ่งยโส ตามด้วยข้อสอง ขยันหมั่นเพียรโดยไม่ย่อท้อ เพราะทุกอย่างต้องจ่ายด้วยความพยายาม ข้อสาม ต้องรู้จักบริหารจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม นั่นคือต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ และข้อสี่ เมื่อรับรู้อารมณ์ตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจด้วยสติปัญญา
ต่อกันในข้อที่ห้า ต้องรู้จักชื่นชมยินดี โดยเฉพาะเมื่อใครทำดีกับเรา เราต้องดีตอบ สร้างความเข้าใจและให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน รวมถึง คู่ค้า ลูกน้อง พนักงาน และคนที่เรารู้จักในสังคม แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ต้องให้เขาเห็นว่าเราใส่ใจเขาเสมอ
ข้อที่หก ต้องรู้จักเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เพราะนั่นอาจเป็นการเอื้อให้เรามีโอกาสมากขึ้นในอนาคต อย่าเอาชนะผู้อื่นทุกเรื่องแม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะนั่นอาจทำให้ไม่มีใครคบกับเรา บางทีต้องยอมผลัดกันเสียเปรียบบ้างและได้เปรียบบ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครมาร่วมทำธุรกิจหรือกิจกรรมอื่นๆ กับเรา
ข้อที่เจ็ด กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกปัญหาและอุปสรรค นั่นคือต้องมีความกล้าหาญ เพราะความไม่กล้าถือว่ามีค่าเป็นศูนย์ เนื่องจากความไม่กล้าแม้แต่จะลองทำ จะยิ่งทำให้เราไม่มีความก้าวหน้าในชีวิต แต่เราต้องกล้าฝัน กล้าคิด กล้าทำ อย่างรอบคอบ ยิ่งถ้ามีความกล้าแล้ว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ข้อที่แปด ต้องก้าวข้ามความท้าทายโดยเฉพาะการท้าทายตนเอง เพราะคนที่จะทำให้เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่งได้เสมอนั้นก็คือตัวเราเองเท่านั้น เพราะจังหวะนั้นจะเสมือนมีแรงจูงใจของตนเอง (self-motivation) ที่อยากเอาชนะอดีต เพื่อสร้างอนาคตของตนเอง
ความกล้ารับความท้าทายจะต้องปรับเปลี่ยนหรือปฏิวัติตัวเองตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องรอสถานการณ์หรือคู่แข่งบังคับเรา ยิ่งมีความคิดริเริ่มของตนเอง (self-initiative) ยิ่งเปิดโอกาสให้เราทำลาย สิ่งที่เราเคยทำเพื่อสร้างมิติใหม่ของความสำเร็จซึ่งก็คืออนาคตเป็นของตัวเอง
ข้อที่เก้า ต้องตระหนักว่าเราไม่ใช่คนเก่งที่สุดในโลกนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรที่เราไม่รู้หรืออะไรที่เราด้อยกว่าผู้อื่น อะไรที่เราต้องพัฒนา อะไรที่เราต้องหมั่นเรียนรู้จากคนอื่น โดยไม่ลังเลใจที่จะตอบว่าตัวเองไม่รู้ เมื่อเจอปัญหา ก็ต้องยอมรับและกล้าที่จะขอความช่วยเหลือแม้แต่กับลูกน้องเราต้องขยันที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม ให้เหมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับน้ำตลอดเวลา
ข้อสิบ ต้องใช้เวลาอย่างมีค่า เพื่อสร้างสมดุลชีวิต ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเวลางาน เวลาส่วนตัว ครอบครัว หรือสังคม รวมถึง การร่วมทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกต่างๆ เช่น ดนตรี กีฬา ทำอาหาร ออกกำลังกาย ต้องไม่ใช้เวลาสิ้นเปลืองเกินไปกับโลกออนไลน์ โลกโซเชียล และการเล่นเกมส์เพื่อฆ่าเวลา
ข้อสิบเอ็ด มีจิตใจที่เป็นมิตรไมตรี ซึ่งต้องรู้จักให้ แทนที่จะรับอย่างเดียว คนเราเกิดมาตัวเปล่า ทุกอย่างที่ได้มา ก็มาจากพ่อ แม่ ครู เพื่อน และคนรอบข้าง ทำให้เป็นเราทุกวันนี้ จงเป็นดั่งแม่น้ำที่ผลักดันน้ำจากข้างหลังไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศที่ต้องรู้จักการคืนให้ เสมือนคนที่ว่ายน้ำเป็น เมื่อตกน้ำก็จะผลักน้ำออกจากตัวเพื่อให้ตัวลอยขึ้นเหนือน้ำ แต่คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ก็จะปัดเอาน้ำเข้าหาตัว และจะทำให้จมในที่สุด
ข้อสุดท้าย ต้องเข้าใจคำว่า “ความเหมือนที่ไม่เหมือน” แม้พื้นฐานของมนุษย์นั้นเหมือนกันหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนมีความไม่เหมือนอยู่ในความเหมือน ซึ่งในสังคมจะมีคนที่ประสบความสำเร็จและถูกจารึกไว้ ทั้งๆ ที่เขามีลักษณะภายนอกที่แทบจะไม่แตกต่างกันเลย
การเดินทางสู่เป้าหมายของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกันซึ่งอาจมีน้อยคนจะเข้าใจ เราอาจรู้สึกโดดเดี่ยวขณะเดินทาง แต่นั่นเป็นต้นทุนที่เราได้รับและได้เรียนรู้ และสามารถพิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นยกย่องได้ การที่จะมีใครมาโจมตีหรือไม่เข้าใจเราจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ต้องเข้าใจว่าอาจไม่มีคนเข้าใจเราระหว่างทางที่เราเดินอยู่ แต่เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเราเพียงลำพัง