ยินดีที่ไม่รู้
องค์ประกอบแห่งความสำเร็จของทุกองค์กร หลายคนคงคิดถึงคุณภาพของสินค้าและบริการเป็นหลัก เพราะความประทับใจในตัวสินค้าหรืออาจเป็นความสบายใจที่ได้รับจากบริการชั้นเลิศของบริษัท
แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็คงจะเห็นเหมือนกันว่าทั้งตัวสินค้าและบริการนั้นไม่มีขา ไม่มีตัว ไม่มีหัวใจที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ประทับใจได้เลย
แต่ “คน” ต่างหากที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ขับเคลื่อนให้องค์กรเคลื่อนไปข้างหน้าได้ การบริหารองค์กรจึงสำคัญที่การบริหารคนให้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงออกมาให้มากที่สุด ซึ่งการบริหารคนนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผู้บริหารต้องมีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้
แต่การบริหารคนนั้นมีความสลับซับซ้อนและมีรายละเอียดมากมายเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันส่งผลให้ธุรกิจมีพลวัตรที่ผันผวนมากกว่าเดิมหลายร้อยหลายพันเท่า ความรู้ที่เราเคยสะสมมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยอาจจะไม่เท่าทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
แม้กระทั่งประสบการณ์ที่สะสมมายาวนานตั้งแต่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ก็อาจจะนำมาใช้กับสถานการณ์
ในขณะนี้แล้ว เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปมากมาย การบริหารคนจึงต้องเปิดโอกาสให้บุคลากรได้ทบทวนตัวเองว่ามีความรู้ในสายงานปัจจุบันมากเพียงพอหรือไม่
ในขณะที่คนขององค์กรเองก็ต้องหมั่นคิดอยู่เสมอว่ามีอะไรบ้างที่ตัวเองยังไม่รู้ และต้องไม่กลัวที่จะยอมรับว่าตัวเองยังไม่รู้ในบางเรื่อง เพราะการไม่รู้นั้นไม่ผิด แต่การไม่รู้แล้วไม่ยอมรับว่าไม่รู้นั้นผิดเพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรได้อย่างมาก
ความไม่รู้นั้นเป็นโอกาสได้ให้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน หากโกหกตัวเองว่ารู้แล้วก็เท่ากับเป็นการปิดโอกาสที่จะได้เรียนรู้ ยิ่งคนที่เรียนเก่ง ๆ หรือเรียนสูง ๆ อาจทำใจได้ยากที่จะยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ในเรื่องใหม่ๆ จึงทำให้เสียโอกาสไปมากมาย
ความไม่รู้นั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย เพราะกระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกเทคโนโลยีทุกวันนี้ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ แทบจะทุกวินาที และความผันผวนของโลกธุรกิจก็ทำให้ผลจากการเปลี่ยนแปลงนั้นอาจชี้เป็นชี้ตายให้กับบริษัทได้ในชั่วข้ามคืน
การที่ทุกคนในองค์กรรับรู้ถึงเรื่องใหม่ และเปิดใจเรียนรู้ไปพร้อมกันจึงเป็นหนทางให้บริษัทได้ปรับตัวเข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลง และยังทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปด้วยกัน แต่หากมีใครสักคนไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่รู้ในเรื่องดังกล่าวและไม่ยอมเรียนรู้ใดๆ การเรียนรู้ของทั้งองค์กรก็อาจสะดุดลงในที่สุด
การยอมรับและยินดีในความไม่รู้เรื่องของตัวเอง จึงเป็นหนทางให้กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ เป็นการท้าทายตัวเองให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ซึ่งเมื่อได้รับรู้และได้เปิดโลกเรียนรู้สิ่งใหม่ก็จะเข้าสู่การรับความรับผิดชอบมากขึ้น เป็นโอกาสให้ได้สร้างความสำเร็จเป็นของตัวเอง จนกว่าจะมีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นและได้เรียนรู้อีกครั้ง และสร้างความสำเร็จอีกอย่างต่อเนื่อง เวียนวนเป็นวัฎจักรแห่งความสำเร็จในอนาคต
ในขณะที่คนบางคนไม่กล้ายอมรับความไม่รู้ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะอดีตที่ตัวเองเคยสำเร็จเช่นเรียนเก่งมาก หรือเคยทำงานใหญ่ได้สำเร็จมากมาย แต่ไม่ยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปแล้วความรู้ที่มีก็อาจไร้ความหมายไปแล้ว
เมื่อไม่ยอมเรียนรู้แล้วต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ตัวเองไม่รู้จักก็มักจะถอดใจ แล้วหมดความมั่นใจในตัวเองไปในที่สุด จนเมื่อต้องเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ก็จะทำแบบเดิมและจบลงที่การเป็นคนล้าหลังในองค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อโลกเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น และการที่ทุกคนในองค์กรจับมือเรียนรู้สิ่งใหม่ไปพร้อมๆ กัน จะเป็นการยกระดับตัวเองและยกระดับองค์กรให้มีขีดความสามารถทางการแข่งขันที่สูงขึ้นและพร้อมรับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคตได้ตลอดเวลา