หลอมรวมคนทุกวัย

หลอมรวมคนทุกวัย

ผมได้เกริ่นไว้ในสัปดาห์แล้วถึงแนวทางในการชนะใจคน Gen Z เพื่อหาทางให้เขาเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร

ข้อแรกคือมีเวทีให้เขาได้คิดและได้แสดงออกถึงสิ่งที่เขาต้องการ ซึ่งเราสามารถหาโอกาสให้เขาได้นำเสนอมุมมองของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุม งานสัมมนา หรืองานเวิร์คช็อปต่างๆ

ต่อกันใน ข้อที่สอง ต้องให้บทบาทเขาในการนำการเปลี่ยนแปลงสู่องค์กร โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเอไอกำลังเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงาน ซึ่งคน Gen Z นั้นได้เปรียบคนรุ่นอื่นตรงที่เขาเกิดมาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงรู้วิธีใช้ให้คล่องแคล่วตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นเขาจึงเรียนรู้และปรับตัวได้เร็วกว่าคนรุ่นอื่น เช่นเดียวกับเครื่องไม้เครื่องมือในการประยุกต์ใช้เอไอในรูปแบบต่างๆ ที่เขาจะรู้จักและเข้าใจมันได้ง่ายกว่าคนรุ่นอื่น รวมถึงโซเชียลมีเดียทั้งแพลตฟอร์มด้านการทำงาน การตลาด การขาย ฯลฯ

จริงอยู่ว่าการบริหารจัดการด้านออนไลน์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่คน Gen Z ก็มักรู้ช่องทางพิเศษที่ทำให้บริษัทสามารถสร้างอัตราการเข้าถึงลูกค้าได้ในค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าปกติ รวมถึงรู้แนวทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในช่องทางที่เหมาะสมที่สุด

ในขณะเดียวกันเขาก็มักมีโลกคู่ขนานเป็นตัวตนในโลกออนไลน์ พนักงานน้องใหม่ธรรมดาๆ ในบริษัทจึงอาจมีอีกบทบาทหนึ่งเป็นคนมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ด้วยคาแร็คเตอร์ของเขาเองจนมีผู้ติดตามหลายพันหลายหมื่นคน หากบริษัทรู้จักคุณค่าของโลกออนไลน์นี้ก็ย่อมดึงเขาเข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์ให้บริษัทได้อีกทางหนึ่ง

ข้อสาม คน Gen Z ไม่ได้มีบทบาทเป็นเพียงแต่พนักงานรุ่นใหม่ แต่เขายังเป็น “ลูกค้ารุ่นใหม่” ด้วยเช่นกัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้เราจะพบว่าเขามีพฤติกรรมที่แตกต่างจากลูกค้าในกลุ่ม Gen X หรือ Gen Y อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะพฤติกรรมเปิดรับสื่อออนไลน์

ตัวอย่างเช่น คนรุ่นเก่าอาจใช้เวลาดูคลิปวิดีโอยาว 3-5 นาทีได้สบายๆ แต่กับคน Gen Z เขาอาจจดจ่อกับมันได้ไม่ถึงนาที นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ Tiktok ได้รับความนิยมสูงสุดและพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคน Gen Z ก็สามารถทำยอดขายผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นเหล่านี้ได้มากมายเพราะเขารู้ว่าจะดึงดูดความสนใจจากคนกลุ่มเดียวกันได้อย่างไร

พฤติกรรมของลูกค้า Gen Z จึงสะท้อนผ่านการคิดเร็ว ทำเร็ว จนดูเหมือนมีสมาธิสั้น และมักใช้การคิดนอกกรอบ เพราะพวกเขาไม่กลัวการผิดพลาดเหมือนคนรุ่นก่อน ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบเขาจึงคิดว่าการสะดุดล้มลงนั้นสามารถลุกขึ้นมาก้าวเดินต่อไปได้ไม่ยาก

ข้อสี่ มีความหลากหลายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศที่เราเริ่มคุ้นเคยกับ LBGTQ+ รวมไปถึงอุปนิสัยที่มีความหลากหลายและบางครั้งคนรุ่นเก่าก็ตามไม่ทัน แม้ว่าจะรู้จักบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเจาะลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างไรในขณะที่คนรุ่นใหม่เข้าใจและรู้ใจลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างดี

ข้อห้า เขามีความต้องการที่จะหลอมรวมกับคนรุ่นอื่นเสมอ แต่เมื่อถูกปิดกั้นก็ยากที่สานต่อได้ จึงเป็นบทบาทสำคัญของคน Gen X หรือ Gen Y ที่ต้องทำตัวเป็นสะพานเชื่อมความแตกต่างของคนทุกกลุ่ม

โดยต้องกระตุ้นให้ทุกคนเปิดใจเข้าหากัน และแต่ละคนก็ต้องยอมรับว่ามีจุดดีจุดด้อยแตกต่างกัน คนรุ่นเก่าอาจมีประสบการณ์ แต่คนรุ่นใหม่ก็มีวิธีใช้เครื่องไม่เครื่องมือที่ช่วยให้งานบรรลุเป้าหมายได้เช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจึงต้องเปิดใจรับความแตกต่างและหาจุดสมดุลเพื่อดึงศักยภาพของคนทุกรุ่นมาใช้อย่างเต็มที่