สถานการณ์ความมั่นคงโลกปี 2568
ดูเหมือนว่านักวิเคราะห์จำนวนมากจะคาดการณ์ราวกับว่าโลกหมุนรอบตัว Donald Trump ผู้จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกรอบในไม่กี่วันข้างหน้า หากเชื่อในคำพูดของเขาก็ต้องคิดว่าสงครามในยุโรปใกล้จะจบ ยูเครนคงถูกบีบให้ต้องเจรจาและยอมรับแผนสันติภาพของทรัมป์ รัสเซียคงได้ในสิ่งที่ต้องการ คือสี่แคว้นตะวันออกของยูเครน รวมทั้งไครเมียเป็นการถาวร
ความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีนจะรุนแรงขึ้นในทุกมิติ รวมทั้งในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ภูมิภาคตะวันออกกลางคงเดือดเป็นไฟ เพราะทรัมป์จะสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ในทุกอย่างที่ต้องการ อเมริกาจะทะเลาะกับประเทศต่างๆ ไปทั่ว โดยเฉพาะกับประเทศรอบบ้าน และทุกคนควรจะต้องกังวลต่อเศรษฐกิจโลกคงจะย่ำแย่ลง ตามนโยบายแปลกๆ ที่คาดไม่ถึงของทรัมป์ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ช้าก่อน โลกไม่ได้ขึ้นอยู่กับอเมริกาแต่เพียงชาติเดียว และทรัมป์จะไม่ตัดสินใจอย่างที่พูด เพราะเขาเป็นคนที่ต่อรองได้
แม้ว่าทรัมป์อยากยุติสงครามในยุโรป ไม่อยากพาอเมริกาเข้าสู่สงครามกับรัสเซียมิตรของเขาในฐานะผู้นำชาตินาโต้ แต่ยุโรปจะยอมตามแผนสันติภาพของเขาหรือเปล่า ปี 2568 จะเป็นปีทดสอบความเป็นปฏิปักษ์ของยุโรปกับรัสเซียยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะยุโรปจะกล้าแค่ไหนเมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอย่างเต็มที่
ชาติอย่างฮังการีหรือสโลวีเนียอาจแหกปีกออกไป แต่ชาติยุโรปอื่นโดยเฉพาะยุโรปตะวันออกจะยิ่งรวมตัวกันกร้าวกับรัสเซียมากขึ้น แม้ว่าพรรคฝ่ายขวาจะขึ้นมามีบทบาทในยุโรปมากขึ้น และมีนโยบายเข้มงวดกับปัญหาความมั่นคงในประเทศของตนมากกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมลงให้กับรัสเซีย เพราะดีเอ็นเอไม่เหมือนกัน สงครามจะมีต่อเนื่องข้ามไปปี 2569
แทบไม่มีผู้นำประเทศคนไหนชอบทรัมป์ แต่ทรัมป์ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ภายใต้ความแข็งกร้าว อเมริกาจะผ่อนปรนกับชาติที่ยอมลงให้กับอเมริกาได้นิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องทั้งหมด นี่จึงเป็นเหตุผลว่า เมฆมืดครึ้มที่มองไป ณ เส้นขอบฟ้าอาจไม่ได้นำไปสู่พายุใหญ่อย่างที่คิด
หากมีการเจรจากัน สหรัฐจะไม่บุกปานามาเหมือนปี 2532 แคนาดากับเม็กซิโกจะเพิ่มมาตรการควบคุมผู้อพยพตามที่สหรัฐต้องการ เช่นเดียวกับหลายชาติที่จะเพิ่มงบประมาณทางทหาร จีนอาจลำบากกว่าเพื่อนเพราะโดนอเมริกาบีบอย่างหนัก แต่เชื่อว่าจีนจะเจรจาและยอมกลืนเลือดในหลายเรื่อง
แม้ว่าเงื่อนไขของความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงมีอยู่เหมือนเดิม แต่ฝ่ายตรงข้ามกับอิสราเอลแทบจะเป็นปรปักษ์แต่ชื่อและโวหาร ปราศจากกำลังและความกล้าในการต่อต้านอำนาจสหรัฐที่แท้จริง
สหรัฐ ตุรกีและอิสราเอลจะแสวงประโยชน์จากการล่มสลายของระบอบ Assad ในซีเรีย กันอิทธิพลรัสเซียและอิหร่านออกไป ชาติอาหรับ รวมทั้งซาอุดีอาระเบียที่เคยแข็งขืนกับสหรัฐ สมัย Biden ด้วยต่างโมโหอิสราเอลกรณีฮามาส อาจต้องทบทวนท่าทีและหันมาผ่อนปรนกับอเมริกาและอิสราเอล เมื่อคำนึงว่าตนถือไพ่เป็นรอง Abraham Accord ในสมัยทรัมป์ยิ่งจะมีความคืบหน้า และอิหร่านจะยังไม่กล้าที่จะพัฒนานิวเคลียร์ในปีนี้ ยังคงต้องสู้กับปัญหาการระส่ำระสายภายในของตนมากกว่าเรื่องอื่น
ทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวันอาจจะดูคุกรุ่นมากขึ้น เมื่ออเมริกาจะบีบจีนทุกวิถีทาง การคงความน่าเชื่อถือในหมู่มิตรประเทศว่าจะกดดันจีนสำเร็จ ไม่ใช่การถอยห่างจากภูมิภาค แต่รัฐบาลวอชิงตันจะยิ่งแสดงแสนยานุภาพทางทหารให้ชาติแปซิฟิกเห็น
ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่นและไต้หวัน อาจได้ประโยชน์มากกว่าใครในความร่วมมือด้านความมั่นคงเชิงรุกของสหรัฐ ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่ารัฐบาลปักกิ่งคงไม่ปะทะอย่างดื้อรั้นกับอเมริกา หากมีอุบัติเหตุใดๆ ก็น่าจะบรรเทาได้ด้วยการเจรจา
ที่คาดเดาได้ยากสุดน่าจะเป็นสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ความเฟอะฟะของ Yoon Suk-yeol อาจดึงเกาหลีใต้ให้หมกมุ่นกับความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ จนกระเทือนแนวร่วมนาโต้แห่งตะวันออกไกลไปบ้าง เกาหลีเหนือนั้นเคยเกือบจะบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ ฯ อย่างค่อยเป็นค่อยไปสมัยทรัมป์ 1 แต่เพราะทรัมป์นั่นเองที่ไปเบี้ยวเขา มาวันนี้ระบอบ Kim พัฒนาขีดความสามารถด้านขีปนาวุธไปไกลมาก ไม่รู้ว่าเลยโอกาสที่จะต่อรองกันได้ไปได้แล้วหรือไม่
อาเซียนในปี 2568 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเมียนมา เพราะถึงตอนนี้รัฐบาล Min คงไม่สามารถพาประเทศไปสู่จุดเดิมก่อนปฏิวัติได้ การสูญเสียภาคตะวันตกทำให้ยะไข่และชินแยกตัวออกจากพม่าในทางพฤตินัยเกือบสมบูรณ์ รอชมว่าจะเกิดความขัดแย้งภายในกองทัพพม่าหรือไม่
การรุกเข้าชิงมิตรของสหรัฐจากจีนอาจทำให้ “กัมพูชา” ต้องปรับกระบวนการรับมือขนานใหญ่ ขณะที่กิจกรรมในกลุ่มอาเซียนจะมีมากยิ่งขึ้น เพราะอินโดนีเซียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นพี่ใหญ่อาเซียนขึ้นทุกวัน สำหรับไทยก็หวังว่าปี 2568 จะเป็นปีที่โชคดี แสวงประโยชน์จากสถานการณ์ได้อย่างเป็นคุณแก่เรา มากกว่าปล่อยไหลตามใจมหาอำนาจ