‘ตาชำนิ’ ไอพีโอน้องใหม่ ชูกลยุทธ์เติบโตทุกมิติ

‘ตาชำนิ’ ไอพีโอน้องใหม่  ชูกลยุทธ์เติบโตทุกมิติ

"อุตสาหกรรมสื่อโฆษณา” ปี 2565 ความต้องการ (ดีมานด์) ยังขยายตัวต่อเนื่อง !! ส่งผลดีต่อไอพีโอน้องใหม่ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวสำหรับสื่อโฆษณา สื่อโทรทัศน์ สื่อดิจิทัล ออนไลน์ และบริการอื่นๆ

โดยจะเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 70 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.86 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คิดเป็น 25.93% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมด เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนเม.ย.2565

ปัจจุบัน CEYE บริษัทมีโครงสร้างรายได้ 5 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการผลิตภาพนิ่ง 50.07% บริการผลิตภาพเคลื่อนไหว 26.73% บริการตกแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ 11.50% บริการให้เช่าสตูดิโอ 3.82% และบริการอื่นๆ รวมประมาณ 5.50%

“สุวรรณี สุวรรณแสงโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) หรือ CEYE ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ !!ถือเป็น “การปลดล็อก” ข้อจำกัดในการลงทุน และเพิ่มโอกาสให้บริษัทในการขยายความครบวงจร และเติบโตอย่างแข็งแกร่งหลังมองทิศทางอุตสาหกรรมสื่ออีก 3-5 ปีข้างหน้า คาดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ดังนั้น บริษัทจึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง

สะท้อนผ่านเงินระดมทุนนำไป “ลงทุน”โครงการอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตประกอบด้วย ก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,000 ตารางเมตร และโครงการลงทุนอุปกรณ์การผลิต ทั้งอุปกรณ์การถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และลงทุนเพิ่มเติมในขั้นตอนภายหลังการผลิต และนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ให้แก่สถาบันการเงิน ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประโยชน์ในการบริหารสภาพคล่อง

รวมทั้ง บริษัทเห็นโอกาสต่อยอดธุรกิจจากความเชี่ยวชาญที่มีกว่า 30 ปี บ่งชี้ผ่านการลงทุนในบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด กิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ รวมทั้ง ธุรกิจออนไลน์รับเทรนด์เม็ดเงินโฆษณาในยุคดิจิทัลมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้ง การลงทุนในบริษัท โพสต์โปรดักชั่น สำหรับวิดีโอ ภาพยนตร์ และซีรีส์ รวมทั้ง ลงทุนในสตาร์ทอัพและสร้างทีมนวัตกรรม รับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง เพิ่มความครบวงจรในการให้บริการด้านโปรดักชั่น

โดยในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็น “ลูกค้าองค์กร” (Corporate)หรือบริษัทขนาดใหญ่ และ “ลูกค้าต่างชาติ” ขณะที่มีทีมงานที่มีศักยภาพ และรองรับงานทุกลักษณะ และการขยายบริการเพื่อรองรับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งมีกลยุทธ์การพัฒนาสื่อเป็นของตัวเองรับเทรนด์การเติบโตในยุคดิจิทัล เนื่องจากธุรกิจมีความจำเป็นต้องโฆษณาในทุกยุคสมัย ซึ่งเห็นได้จากรายได้ และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 ที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2565 คาดรายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่าปี 2562 เนื่องจากยังคงมีความต้องการคอนเทนต์สื่อโฆษณาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการ Lockdown รวมถึงมาตรการ การจำกัดการรวมกลุ่ม ทำให้กระบวนการผลิตสื่อโฆษณากลับมาทำได้ตามปกติ ซึ่งนับตั้งแต่ปลายปี 64 สังเกตเห็นได้ว่าเม็ดเงินลงทุนในสื่อต่าง ๆ เริ่มกลับมามีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ฟื้นตัว เป็นผลบวกต่อโอกาสที่บริษัทจะได้รับงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ด้วย

สุดท้าย “สุวรรณี” บอกไว้ว่า กลยุทธ์การเติบโตต่อไป เราจะขยายการบริการทั้งแนวกว้าง และแนวลึก หรือขยายบริการจากกลุ่มโฆษณาที่ให้บริการแบบครบวงจรไปสู่ตลาดเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น SME, B2C โดยตั้งเป้าหมายขยายการให้บริการไปในต่างประเทศด้วย

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์