กูรูส่อง“บิตคอยน์”ไซด์เวย์ มั่นใจระยะยาวขยายตัวแรง

กูรูส่อง“บิตคอยน์”ไซด์เวย์  มั่นใจระยะยาวขยายตัวแรง

“กูรู”ส่องแนวโน้มตลาดคริปโทระยะยาวขาขึ้น “คริปโตมายด์”ชี้ระยะสั้นปัจจัยลบกดดัน ประเมินกรอบ“บิตคอยน์”ปีนี้  3.5 -5 หมื่นดอลลาร์ ระบุหากยืนกรอบบนได้มีโอกาสกลับสู่“ตลาดกระทิง” ด้าน“สตางค์” ชี้ไตรมาส 4 ปีนี้มีลุ้นไซด์เวย์อัพ  

นายสัญชัย ปอลี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ตลาดคริปโทเคอเรนซีในปี 2565 มีแนวโน้มทยอยปรับขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่อาจจะไม่เหมือนปีก่อน เพราะปีนี้มีปัจจัยลบค่อนข้างมาก ทั้งการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสะกัดเงินเฟ้อตลอดทั้งปี และมีการทำลดงบดุล (QT) เพื่อดึงสภาพคล่องออกจากระบบ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์ทุกประเภท ไม่ใช่แค่ตลาดคริปโทฯ เท่านั้น

สำหรับระยะถัดไปยังมีปัจจัยหนุนตลาดคริปโทฯ ในประเทศไทย จากตลาดคริปโทฯทั่วโลก ยังได้รับการยอมรับและกลายเป็นที่ใช้งานมากขึ้น ทั้งสถานการณ์สงครามและการยอมรับในสายตาประเทศต่างๆ มีการเปิดตัว  ETF มากขึ้น และนำคริปโทฯ ไปเป็นสินทรัพย์คงคลัง (Treasury asset) มากขึ้น   

ดังนั้นเชื่อว่า หลังจากนี้คริปโทฯ อาจเป็นสินทรัพย์ที่สนใจในสายตานักลงทุนทั่วโลก รวมถึงนักลงทุนไทยเพิ่มมากขึ้นจากกระแสการคว่ำบาตรทางการเงินของประเทศยักษ์ใหญ่ เพราะคริปโทฯ ไม่มีประเทศ ไม่มีการควบคุม และมีบิตคอยน์ (BTC) เป็นอธิปไตยทางการเงิน

ตลาดคริปโทฯ ปีนี้เป็นตลาดลูกกระทิง อาจวิ่งไม่ไวมากเหมือนกระทิงเต็มตัวอย่างปีที่แล้ว แต่ค่อยๆวิ่ง เพราะมีปัจจัยลบมาก และปัจจัยต่างๆ เริ่มมีความชัดเจน จะทำให้การขยับขึ้นของตลาดคริปโทฯ รอบนี้ทยอยขึ้น”

สำหรับการเคลื่อนไหวของ BTC มองกรอบแนวรับที่ 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับที่รับอยู่ตลอดไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนแนวต้านที่สำคัญอยู่ที่ 50,000 ดอลลาร์ และหากสามารถรักษาระดับราคาเหนือ 50,000 ดอลลาร์ ระยะหนึ่งอาจเห็นการกลับไปเป็นตลาดกระทิงได้

“สตางค์”ลุ้นไตรมาส4ไซด์เวย์ขาขึ้น 

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัทสตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดคริปโทฯ ช่วงไตรมาส 2-3 มีโอกาสไซด์เวย์ขาลง  มากกว่า 40% เพราะปัจจัยลบสำคัญที่กระทบราคาสินทรัพย์ทั่วโลก รวมถึงคริปโทฯ ทั้งจากนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดคิวทีของเฟดที่อาจเร็วกว่าที่ตลาดคาด หลังเงินเฟ้อยังพุ่งระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังยืดเยื้อ 

ทั้งนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดคริปโทฯ ที่ผ่านมาเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ในรอบนี้คาดว่าจะแกว่งตัวขึ้นลงขาขึ้นระยะยาว ซึ่งมีโอกาสที่ราคา BTC จะกลับไปแตะระดับออลไทม์ไฮ ปี 2564 ที่ 69,000 ดอลลาร์ได้ และหากยืนระดับนี้ระยะหนึ่งจะเป็นรอบขาขึ้น

สำหรับปัจจัยสนับสนุนระยะข้างหน้า ในไตรมาส 4 ปีนี้ หากสถานการณ์ความเสี่ยงในโลกที่ส่งผลตลาดการลงทุนมีความชัดเจนขึ้น โดยนักลงทุนจะกล้ากลับเข้ามาและเมื่อตลาดกลับมาหวือหวา เชื่อว่านักลงทุนจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนไทยตอนนี้สนใจการลงทุนคริปโทฯ เพิ่มขึ้น แต่เมื่อตลาดไซด์เวย์และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังสูง ทำให้เม็ดเงินลงทุนคริปโทฯ ชะลอตัวลง

อีกทั้งมองว่า เมื่อมีบริษัทประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีเข้ามาซื้อ BTC เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างราคา BTC กับหุ้นเทคโนโลยีลดลงได้ เพราะที่ผ่านมาเมื่อหุ้นเทคฯ ร่วงแรงและได้ทำให้ราคา BTC ร่วงแรงเช่นกัน จากการที่บริษัทเทคฯ เข้าซื้อ BTC เก็บไว้ในงบดุลค่อนข้างมาก และมีแรงขาย BTC ออกมากช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้สิ่งที่มีผลต่อการเติบโตของตลาดคริปโทฯ มากที่สุด คือ กฎหมายสหรัฐที่จะออกมาสนับสนุน หลังจากไบเดนได้ประกาศนโยบายว่า นับจากนี้ไม่ว่ากฎหมายใดก็ตามปลายทางต้องสนับสนุนให้สินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐแข่งขันทั่วโลกได้

ตลาดคริปโทฯไทยโตร้อนแรง

นายกานต์ นิธิทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน บริษัท เมอร์เคิลแคปปิตอล จำกัด ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า แม้ผลตอบแทนในทุกสินทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทั้งสงครามประเทศรัสเซียกับประเทศยูเครน และภาวะอัตราเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับ 8% ในปัจจุบัน  

สำหรับปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวทำให้นักลงทุนต้องกระจายการลงทุนหลากหลายขึ้น และที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามาในตลาดคริปโทฯ มากขึ้น โดยเฉพาะเงินลงทุนจากสถาบันการเงินและบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งในตลาดต่างประเทศรวมถึงประเทศไทย

อีกทั้ง ตลาดคริปโทฯในไทยเป็นตลาดที่ถูกกฎหมาย มี พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ดูแล ซึ่งทำให้จะเห็นได้ในฝั่งของผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และแน่นอนว่าในอนาคตแนวโน้มตลาดคริปโทฯ ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างร้อนแรง

นอกจากนี้ นักลงทุนคริปโทฯ ในประเทศไทยเป็นที่สนใจใช้บริการผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว ประกอบด้วย 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้

1.ผู้สูงอายุ ต้องการลงทุนคริปโทฯ แต่ไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ต้องการจัดพอร์ลงทุนคริปโทฯ

2.มือใหม่ สนใจการลงทุนคริปโทฯ ยังไม่กล้า และกลัวการลงทุนที่ผิดพลาด ต้องเริ่มลงทุนโดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแลพอร์ตลงทุนคริปโทฯ

3.สายเทรดคริปโทฯ อยู่แล้วแต่เหนื่อยล้ากับการเทรดในภาวะตลาดผันผวนที่ผ่านแล้ว ต้องการผู้เชี่ยวชาญมีเวลามาดูแลพอร์ตลงทุนคริปโทฯ ให้บางส่วน     

ลงทุนยาว3ปีขึ้นไม่เคยมีผลขาดทุน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนคริปโทฯ ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ การลงทุนใน BTC เป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงสุด และราคาก็เป็นขาขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งแม้ว่าจะมีบางช่วงเวลาที่ตลาดปรับตัวลงก็ตาม โดยในปี 2564 ราคา BTC แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ออลไทม์ไฮ) ที่ 69,000 ดอลลาร์ และในปี 2565 พบว่าราคา BTC ได้ปรับลดลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 40,000 ดอลลาร์ หรือราคามีการปรับลดลงราว 40%

ดังนั้นทำให้ มีคำถามแล้วราคา BTC ระยะข้างหน้าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น โดยที่ผ่านมา “ราคาBTC เป็นขาขึ้นมาตลอด” และหากลงทุนระยะยาว ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป (ถือยาวไม่นับการซื้อขายระหว่างทาง) ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตลอดและไม่เคยขาดทุน

นอกจากนี้ จากจุดนี้หากลงทุนในตอนนี้มีโอกาสติดดอยน้อยกว่าการลงทุนปีก่อน และยังมีอัพไซด์หากราคา BTC กลับไปแตะระดับออไทม์ไฮ  หากยืนระยะนี้ได้จะกลายเป็นเทรนด์ขาขึ้นต่อ โดยแนะว่าการทยอยเข้าลงสะสมคริปโทแบบ DCA เฉลี่ยซื้อทุกเดือนอย่างน้อย 3,000-5,000 บาท โดยเฉพาะการลงทุนใน BTC ช่วยสร้างวินัยการลงทุนและมีโอกกาสทำรายได้ในระยะยาว