‘ซีพีเอฟ’ชี้เปิดประเทศ-ราคาสุกรดันงบโต
"ซีพีเอฟ” ชี้ ประเทศต่างๆมีการเปิดประเทศมากขึ้น หนุน การบริโภคปรับตัวดีขึ้น -ราคาสุกรพุ่ง ดันผลดำเนินงานปีนี้สูงกว่าปีก่อน ยันสงครามรัสเซีย ยูเครน ไม่ระทบธุรกิจในยุโรป หันใช้ปลายข้าว ข้าวเปลือก ลดผลกระทบต้นทุน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF กล่าวว่าผลการดำเนินงานในปี 2565 มีทิศทางที่ดีขึ้น จากที่ประเทศต่างๆที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนนั้น มีการเปิดประเทศมากขึ้น เช่น เวียดนาม ไทย ฯลฯ จะทำให้มีความต้องการซื้อสินค้าของบริษัท และมีการบริโภค อาหารมากขึ้น
ขณะที่ในประเทศจีนคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิดได้ในช่วงไตรมาส3 ปี 2565 ซึ่งหากมีการผ่อนปรนมาตรการโควิดเชื่อว่าการบริโภคในประเทศจีนก็จะดีขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อบริษัท
“บริษัทได้ใช้เงินลงทุนในประเทศจีน 78,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทในจีนก็มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด อาจจะทำให้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ”
สำหรับ ราคาสุกรในประเทศในช่วงไตรมาส1ปี 2565 ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน และบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจาก โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ( ASF) เพราะ บริษัทมีประสบการณ์เรื่องดังกล่าวและมีมาตรการควบคุมในระบบฟาร์มเลี้ยงสุกรที่ดีจึงทำให้ผลการดำเนินงานธุรกิจสุกรในปีนี้ดีกว่าปีก่อน
ส่วน ราคาวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวโพด บริษัทได้มีการใช้วัตถุดิบอื่นมาทดแทน เช่น ปลายข้าว ข้าวเปลือก ซึ่งจะเข้ามาช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF กล่าวว่า กรณีสงครามระหว่างรัสเซียยูเครน นั้น ซึ่งบริษัทได้มีการลงทุนในรัสเซีย ในธุรกิจสุกร และ ไก่ ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เพราะ บริษัททำธุรกิจอาหารที่มีความจำเป็นในการบริโภคของประชาชน ส่วนการลงทุนที่โปรแลนด์ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวเช่นกัน เชื่อว่าผลการดำเนินงานที่โปแลนด์จะสูงกว่าปีก่อน
ด้านที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น อนุมัติแต่งตั้งนายอดิเรก ศรีประทักษ์ นายวินัย วิทวัสการเวช นายกิตติพงษ์ กิตยรักษ์ และนายไพศาล จิระกิจเจริญ กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 กลับเข้าเป็นกรรมการอีกวาระหนึ่ง