DRT จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่ “วงกบประตู - ไม้บันได” ดันงบโต

“สาธิต สุดบรรทัด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าถือเป็นความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นแต่ด้วยศักยภาพ และความพร้อมของ DRT ที่มีข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันทั้งด้านแบรนด์สินค้าเป็นที่ยอมรับ ผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายสามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง กำลังการผลิตที่มีเพียงพอ และการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 3-5% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และภาครัฐเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ ด้านคมนาคมขนาดใหญ่ ที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน แม้สถานการณ์ปัจจุบันมีความเสี่ยงด้านการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างรายย่อย มีการสั่งซื้อสินค้าเพื่อเก็บสต็อก รอการขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มวางแผนเปิดโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ที่ยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ บริษัทจะเปิดสาขาในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ราว 4 แห่ง

ทั้งนี้กลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างที่จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคยังคงเป็น“กลุ่มไม้สังเคราะห์” เนื่องจากมีความสวยงามเสมือนไม้ธรรมชาติ สอดคล้องกับกระแสรักษ์โลก แข็งแรงทนทานและสะดวกรวดเร็วในการติดตั้ง จึงทำให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทจะเปิดตัวสินค้าใหม่ “วงกบประตู” และ “ไม้บันได” 

หลังจากในช่วงที่ผ่านมา เปิดตัวสินค้าให้ลูกค้าโครงการไปแล้ว และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% คาดยอดขายจะเติบโตทั้ง 4 ช่องทาง คือ เอเย่นต์ โต 4-6% โมเดิร์นเทรด และ โครงการ เติบโตสองหลัก และ ส่งออกโตเล็กน้อย เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง

อย่างไรก็ตาม บริษัทพร้อมนำจุดแข็ง และข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน เตรียมรับมือความท้าทายของตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 65 ที่มีความเสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 การขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง แนวโน้มวัตถุดิบ และต้นทุนโลจิสติกส์ที่ปรับตัวขึ้น เพื่อสร้างโอกาสการขายสินค้า และผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายหลังรัฐเปิดประเทศเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยให้กลับมาขยายตัว

ทั้งนี้ บริษัทยังตอกย้ำกลยุทธ์การตลาดภายใต้แนวคิด “สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง”และการบริหาร Product Mix เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 27-29% ควบคู่กับการรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรโดยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 80% เพื่อรับมือต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นลงทุนติดตั้งโรบอตในไลน์ผลิตตามแผนระยะยาว 5 ปี โดยตั้งเป้าจำนวน 50 ตัวเพื่อผลักดันฐานผลิตไปสู่ Smart Factory

ท้ายสุด “สาธิต” บอกไว้ว่า ด้วยศักยภาพ DRT ที่มีความแข็งแกร่งของแบรนด์ตราเพชรเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคจากการสื่อสารการตลาดสร้างการรับรู้ถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่โดดเด่น และมีช่องทางจำหน่ายหลายช่องทาง

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์