กรมการขนส่งทางราง เร่ง ร.ฟ.ท.เปิดทางคู่สายใต้

กรมการขนส่งทางราง เร่ง ร.ฟ.ท.เปิดทางคู่สายใต้

กรมการขนส่งทางราง เผยคืบหน้าสร้างทางคู่ ช่วงนครปฐม - ชุมพร คืบ 92% สั่ง ร.ฟ.ท เร่งเปิดเดินรถกึ่งอัตโนมัติ แก้ปัญหาขบวนสายใต้ล่าช้า

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างทางคู่สายใต้ โดยระบุว่า โครงการดังกล่างถือเป็นอีกหนึ่งโครงข่ายทางรางที่สำคัญ เพราะจะเพิ่มศักยภาพในการเดินทางและการขนส่งสินค้าสู่ภาคใต้ เชื่อมต่อไปกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ (SEZ) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีความคืบหน้าการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง

โดยสถานะความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม - ชุมพร ระยะทาง 421 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้
1. ช่วงนครปฐม - หัวหิน แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
- สัญญาที่ 1 (นครปฐม - หนองปลาไหล) ระยะทาง 93 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 97.087%
- สัญญาที่ 2 (หนองปลาไหล - หัวหิน) ระยะทาง 76 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 94.828%

2. ช่วงหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 99.870%

3. ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่
- สัญญาที่ 1 (ประจวบคีรีขันธ์ - บางสะพานน้อย) ระยะทาง 88 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 85.073%
- สัญญาที่ 2 (บางสะพานน้อย - ชุมพร) ระยะทาง 79 กิโลเมตร ความคืบหน้าผลงาน 87.128%

โดยถ้านับภาพรวมของผลการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ถือว่าแล้วเสร็จไปกว่า 92.813% คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการการเดินรถทางคู่สายใต้ได้บางช่วงเฉพาะในเส้นทางหัวหิน - ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 70 กิโลเมตร ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากการก่อสร้างช่วงดังกล่าวแล้วเสร็จ และมีความพร้อมเปิดให้บริการแบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทาง แก้ปัญหาความล่าช้าของรถไฟสายใต้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การเดินรถจะไวขึ้น เร็วขึ้น เช่น จากเดิมการเดินทางเส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหิน ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง 

"งานโยธาช่วงไหนแล้วเสร็จมีความพร้อมที่จะเปิดบริการแบบกึ่งอัตโนมัติได้ก่อน เราก็จะเร่งให้ทำการเปิด เพราะต้องการลดผลกระทบจากงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายนี้ที่ทำให้ประชาชนที่ใช้บริกาารถไฟสายใต้ต้องได้รับความเดือดร้อน ใช้เวลาเดินทางมากขึ้น โดยในอีก 2-3 เดือนหลังจากนี้ กรมฯ ได้เร่งรัดให้การรถไฟฯ ทยอยเปิดบริการรถไฟทางคู่ และเพิ่มความเร็วขบวนรถตลอดทั้งปีนี้ ก่อนจะเปิดเต็มรูปแบบในปี 2566 เมื่อมีการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณแล้วเสร็จ"

นอกจากนั้น การลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าครั้งนี้ ยังตรวจสอบการก่อสร้าง "สถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่ ซึ่งเป็นสถานียกระดับที่มีทางเดินใต้สถานีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นหนึ่งในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วง นครปฐม - ชุมพร (ช่วงหนองปลาไหล - หัวหิน)

โดยสถานีรถไฟหัวหินแห่งใหม่นี้ เป็นโครงสร้างยกระดับ มีที่ทำการและที่พักคอยอยู่ชั้นล่าง ชานซาลาอยู่ชั้นบน การออกแบบยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานีเดิมที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมวิกตอเรีย ซึ่งมีคุณค่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ถัดจากสถานีหัวหินเดินไปทางทิศใต้ โดยปัจจุบันมีความคืบหน้างานก่อสร้าง 80% งานตกแต่งสถาปัตยกรรม 30% และงานระบบไฟฟ้าและเครื่องของสถานี 20% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 ส่วนอาคารสถานีเดิมยังคงอนุรักษ์ไว้ จะพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และทางรถไฟที่ผ่านสถานีเดิมยังใช้งานอยู่ โดยไว้สำหรับขบวนรถสินค้าและขบวนรถพิเศษในโอกาสสำคัญ

ขณะเดียวกัน ขร.ได้ลงพื้นที่ตรวจประเมินสถานีรถไฟหัวหิน ภายใต้กิจกรรมประกวด “สถานีดีพร้อม” โดยมีการประเมินโดยรวมทั้งหมด 8 ด้านประกอบไปด้วย
1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เช่น การให้บริการที่จอดรถ ทางเข้า - ออก ในการรองรับ การใช้บริการ การจำหน่ายบัตรโดยสาร
2. ด้านการเชื่อมต่อ (Connectivity) เช่น การเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น
3. ด้านข้อมูลการเดินทางและประชาสัมพันธ์ (Information) เช่น ป้ายบอกทิศทางในสถานี การติดประกาศ/การให้ข้อมูลในการเดินทาง
4. ด้านความปลอดภัย (Safety and Security) เช่น มาตรการป้องกัน COVID – 19 การติดตั้งกล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่าง หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทางออกฉุกเฉิน
5. ด้านความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวก (Comfort) เช่น ห้องน้ำ ร้านค้า/อาหาร/เครื่องดื่ม ความสามารถในการรองรับผู้มาใช้บริการ
6. ด้านการออกแบบตามหลัก Universal Design เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ
7. ด้านการให้บริการ (Customer Care) เช่น กิริยามารยาทและความสุภาพของเจ้าหน้าที่
8. ด้านสุนทรียภาพ (Aesthetic) เช่น สุนทรียภาพ อัตลักษณ์ หรือการจัดการสิ่งแวดล้อมของสถานี

ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย. - พ.ค.นี้ จะมีการเดินสายตรวจประเมินคุณภาพทุกสถานีที่เข้าร่วมประกวดจำนวนทั้งสิ้น 43 สถานี แบ่งเป็น กลุ่มสถานีรถไฟฟ้าในเมืองและชานเมือง จำนวน 28 สถานี และกลุ่มสถานีรถไฟ ทั่วประเทศ จำนวน 15 สถานี เพื่อคัดเลือกอย่างเข้มข้น หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาในเดือนมิถุนายน และตัดสินการประกวดและมอบรางวัลในเดือน ก.ค.นี้