ธนารักษ์ยันยึดกฎหมายคัดเลือก ‘วงษ์สยาม’
กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ขอเลี่อนลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ออกไปก่อนโดยยังไม่ได้กำหนดวันและเวลา
อธิบดีกรมธนารักษ์ ประภาศ คงเอียด ระบุ การเลื่อนการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์ จากเดิมในวันนี้ (3 พ.ค. 2565) ออกไปก่อน เนื่องจากสังคมยังมีความสงสัยและเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการคัดเลือกคู่สัญญา
อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ ยืนยันว่า การสรรหาคู่สัญญาเป็นไปตามกฏหมายและพร้อมให้ตรวจสอบได้ แต่จำเป็นต้องเลื่อนไปก่อนเพราะต้องการให้สังคมได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องในทุกประเด็น และจะจัดการลงนามในสัญญาให้เรียบร้อยในเร็วๆ นี้ ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคาร ๗๒ ปี กรมธนารักษ์
ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะกรรมการที่ราชพัสดุในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 ที่เห็นชอบให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลและได้รับสิทธิบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก
อย่างไรก็ดี เมื่อ วันที่ 19 เม.ย. 2565 บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และกรมธนารักษ์ ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2564 กรณีคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยกรมธนารักษ์ได้มีคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและ ดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และการออกประกาศ พร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ เป็นเหตุให้บริษัท ได้รับความเสียหาย และ ต่อมาบริษัท ได้ยื่นคำร้องขอศาลได้โปรดมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2565 นั้น
บริษัทขอแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีที่มีการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางข้างต้นเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาซึ่งบริษัทได้ยื่นคำร้องไว้ต่อศาลเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2565
โดยในตอนหนึ่งของคำสั่งศาลดังกล่าวได้ระบุไว้ด้วยว่า แม้ต่อมาจะได้มีการลงนามเพื่อเข้าทำสัญญาในโครงการที่พิพาทแล้ว แต่หากปรากฏว่าการดำเนินการเพื่อคัดเลือกคู่สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวได้ และหากบริษัทเห็นว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อไปได้
ทั้งนี้ บริษัทขอเรียนว่าคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว ไม่ใช่คำสั่งศาลในส่วนของคดีหลักที่บริษัทฟ้องขอให้เพิกถอนมติหรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และเพิกถอนการดำเนินการตามประกาศและหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ แต่อย่างใด
โดยในส่วนของคดีหลักดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง และเมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในส่วนของคดีหลักแล้ว คดียังสามารถอุทธรณ์และเข้าสู่กระบวนพิจารณโดยศาลปกครองสูงสุดต่อไปได้