WPH ลุยลงทุนโรงพยาบาลใหม่ปีหน้า ดันรายได้เติบโต !
"โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง" จ่อลงทุนรพ. แห่งใหม่ปีหน้า ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คาดเงินลงทุน 500 ล้านบาท เจรจาพันธมิตรจ่อลงทุนธุรกิจเฮลท์แคร์ หนุนผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง
“ธุรกิจโรงพยาบาล” ในยุคการแพร่ระบาดของโควิด-19 คงต้องให้คำนิยามว่า...เหนื่อยแต่รับทรัพย์ !! บ่งชี้ผ่านผลการดำเนินงานธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไทยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างอย่าง บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH
สะท้อนผ่าน ตัวเลขผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง (2562-2564) ที่ขาดทุนสุทธิก่อนพลิกเป็น “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ -0.98 ล้านบาท -28.33 ล้านบาท และ 232.29 ล้านบาท ตามลำดับ
“เชน เหล่าสุนทร” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ในแผนธุรกิจ 5 ปีข้างหน้า (2565-2569) บริษัทมีเป้าหมายมีโรงพยาบาลในเครือจำนวน 4 แห่ง จากปัจจุบันบริษัทมีโรงพยาบาลในเครืออยู่ 3 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง , โรงพยาบาลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงพยาบาลวัฒนแพทย์สมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ดังนั้น หากต้องการให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องการลงทุนครั้งใหม่จึงเกิดขึ้น !! สอดคล้องกับการศึกษาลงทุนสร้าง “โรงพยาบาลแห่งใหม่” ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปี 2565 โดยรูปแบบลงทุนหากเป็นจังหวัดขนาดใหญ่อาจจะเป็นโรงพยาบาลขนาด 100 เตียง แต่เบื้องต้นจะลงทุนเฟสแรกขนาด 59 เตียงก่อน คาดใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายยังเป็นโรงพยาบาลที่รองรับตลาดคนไข้ต่างชาติ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี และคาดเปิดให้บริการปี 2568
ทั้งนี้ ก่อนที่บริษัทจะตัดสินใจลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่นั้น บริษัทศึกษาการลงทุนผ่านช่องทาง “การซื้อกิจการ” (M&A) โดยดีลซื้อกิจการมีความคืบหน้าไปค่อนข้างมากแล้ว เหลือเพียงการเข้าไปประเมินราคา แต่ปรากฏว่ามีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้ามาทำให้โรงพยาบาลที่จะเข้าไปซื้อกิจการนั้นมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น เจ้าของโรงพยาบาลเลยตัดสินใจยังไม่ขายดังนั้น แผนการลงทุนซื้อกิจการจำเป็นต้องชะลอออกไปก่อน แต่บริษัทไม่ได้หยุดการศึกษาซื้อกิจการยังมองหาแต่ยังไม่มีดีลที่ตรงกับวัตถุประสงค์
“การขยายเครือข่ายธุรกิจออกไปเพื่อต้องการสายน้ำเลี้ยงเข้ามาจากหลายๆ ทาง ทั้งคนไทยและต่างชาติ ดังนั้น การลงทุนสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่หรือการซื้อกิจการ โจทย์ของบริษัทคือพื้นที่การลงทุนต้องเป็นจังหวัดที่มีรายได้เข้ามาหลายทาง”
เขา บอกต่อว่า แผนธุรกิจปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 5-10% จากปี 2564 ที่มีรายได้ 1,226 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ได้สร้างรายได้ออลไทม์ ไฮไว้แล้ว เนื่องจากแนวโน้มคนไข้ต่างชาติมีโอกาสสัดส่วนจะกลับมาประมาณ 10% เทียบกับช่วงโควิด-19 ที่คนไข้ต่างชาติหายไปทั้งหมด โดยปัจจุบันคนไข้ต่างชาติเริ่มทยอยกลับมาแล้ว สะท้อนผ่านการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้น มีโอกาสที่จะเห็นสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปีนี้จะเน้นการเพิ่มบริการในส่วนของคลินิกโรคเฉพาะทาง รวมถึงการต่อยอดการรักษาโรคมะเร็ง และเพิ่มปริมาณเตียงรักษาในห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) มากขึ้น
ขณะเดียวกันอาคาร “เวลเนส” (Wellness) ที่เป็น One Stop Service ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจร เพื่อรองรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยโดยเฉพาะ การทำทันตกรรม (ฟัน) การทำกายภาพ การเสริมความงาม และตรวจสุขภาพ โดยอาคารดังกล่าวจะทำให้ผู้เข้ามารับบริการไม่ต้องมาปะปนกับผู้ป่วยที่มารักษาโรคต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ามาใช้บริการมากกว่า 100 คนต่อวัน โดยเป็นจำนวนคนเข้ามารับบริการสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ตอนแรก
สำหรับโรงพยาบาลอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2562 คาดว่าปีนี้จะล้างขาดทุนสะสมหมด หลังจากเปิดให้บริการและมีผลดำเนินงานขาดทุนสุทธิในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผลขาดทุนสุทธิ 140 ล้านบาท แต่ปี 2564 พลิกมีกำไร 115 ล้านบาท ยังเหลือขาดทุนสะสมอีก 25 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่าปีนี้จะล้างขาดทุนสะสมหมด และปี 2566 ผลดำเนินงานจะเป็นกำไรสุทธิ
โดยช่วงแรกโรงพยาบาลอ่าวนาง เปิดให้บริการเป้าหมายกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เปิดบริการได้ไม่นานก็เจอการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากสัดส่วนรายได้ต่างชาติ 70% และคนไทย 30% กลายเป็นคนไข้ต่างชาติเหลือศูนย์ ทำให้ตอนนั้นจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ใหม่โดยเน้นมาจับกลุ่มลูกค้าคนไทยทดแทน ซึ่งช่วงนั้นสัดส่วนคนไข้คนไทยที่เข้ามารับบริการสูงถึง 60%
ขณะที่ ในปี 2566 บริษัทจะมีรายได้การลงทุน “โรงพยาบาลวัฒนแพทย์สมุย” จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 50 เตียง มูลค่าลงทุน 750 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปลายปี 2565 และเปิดให้บริการต้นปีหน้า โดยคาดโรงพยาบาลสมุยเปิดให้บริการจะมีผลขาดทุนไม่มาก และคาดว่าปี 2567 จะมีกำไรสุทธิ แต่คาดว่าจะสามารถคืนทุนราว 8-10 ปีข้างหน้า เนื่องจากใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเตรียมแผนที่จะรุกขยายการลงทุนใน “ธุรกิจ Health Care” รูปแบบใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากันพันธมิตร อย่างไรก็ตาม การรุกขยายธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยสร้างรายได้และผลักดันการเติบโตในอนาคตได้อย่างก้าวกระโดด และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคง
“ในช่วงที่ผ่านมาความสำเร็จของเราคือโรงพยาบาลมีมาร์เก็ตแชร์เบอร์หนึ่ง ทั้งในโรงพยาบาลตรัง และโรงพยาบาลอ่าวนาง ดังนั้น เป้าหมายโรงพยาบาลวัฒนาสมุย และโรงพยาบาลแห่งใหม่ก็อยากเห็นมาร์เก็ตแชร์เบอร์หนึ่งด้วย หากสถานการณ์กลับมาปกติ และมีสัดส่วนรายได้ต่างชาติระดับ 60-70% และคนไทย 30-40%”
สำหรับ ภาพรวมธุรกิจไตรมาส 1/2565 แนวโน้มรายได้จะสามารถเติบโตได้เกินเป้าที่ตั้งเป้าหมายไว้เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่ยังคงรุนแรง โดยทำให้มีการเข้ามาใช้บริการตรวจ RT-PCR มากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มจำนวนผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเข้ามารับรักษาโรคประจำตัวมากขึ้นอีกด้วย
ท้ายสุด “เชน” บอกไว้ว่า คาดรายได้ปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่ได้สร้างรายได้ออลไทม์ ไฮไว้แล้ว เพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนคู่แข่งธุรกิจในแต่ละพื้นที่มีจำนวนไม่มาก รวมทั้งการได้ฐานลูกค้าใหม่ ทั้งจากจังหวัดตรัง และกระบี่ โดยเฉพาะจากการรับฉีดวัคซีนโควิด-19 ตลอดจนอาคารเวลเนส