ส่องไอเดียสร้างสรรค์ แบรนด์ธรรมดา แต่การตลาดไม่ธรรมดา จนได้ใจผู้บริโภค
ไวรัลแบรนด์ธรรมดา ที่ชวนกันมาทำการตลาดแบบสร้างสรรค์ จากเสื้อยืด "ห่านคู่" ถึง "นันยาง" 2 ตำนานนำร่องส่งจดหมายและตอบกลับให้กำลังใจกัน ขยายวงไปยังยาหม่องตราถ้วยทอง ซิงเกอร์ เคเอฟซี
ท่ามกลางกระแสสังคมกำลังถามถึงความรับผิดชอบในการทำตลาดของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง “ลาซาด้า” รวมถึงการขยายประเด็นถึง “ความสร้างสรรค์” ในการทำคอนเทนท์ แต่ยังมีแบรนด์ระดับตำนานที่พากันลุกขึ้นมาเยียวยาสังคม สะกิดผู้บริโภคให้รู้ว่า..เฮ้! การตลาดดีๆยังมีอยู่นะ
กรุงเทพธุรกิจ ชวนส่องไอเดียสร้างสรรค์ของแบรนด์ธรรมด๊า..ธรรมดา แต่การตลาดนั้น ไม่เคยมีคำว่าธรรมดา แถมยังสร้างไวรัล ให้แบรนด์อื่นเกาะกระแสอีกต่างหาก
เมื่อแบรนด์เสื้อยืดเก่าแก่ “ห่านคู่” แบรนด์เสื้อยืดคอกลมที่แสนจะเรียบง่ายและธรรมดา แต่สามารถทำการตลาดครองใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายจนย่างเข้าสู่วัย 70 ปีแล้ว ล่าสุด ได้ส่งจดหมาย ถึง..คุณคนธรรมดา พร้อมแท็กหาแบรนด์เก๋าตั้งแต่รุ้นพ่อ อย่าง “นันยาง” พร้อมข้อความการใช้ชีวิตของคนธรรมดาอาจจะเหนื่อยไปบ้าง แล้วช่วงที่ตั้งใจใช้ชีวิตแค่ไหน อาจเจอชีวิตสู้กลับ!
แต่ไม่ว่าผู้คนจะรู้สึกเหนื่อย ห่านคู่พร้อมเป็นความสบายใจให้ อยู่เคียงข้างในช่วงเวลาธรรมดาของชีวิต โดยทิ้งท้ายเชื่อในความธรรมดานั้น ได้ทำมาดีในแบบของตัวเองแล้ว
เมื่อแบรนด์เพื่อนคู่หูแท็กหากัน “นันยาง” จึงตอบกลับ ถึงห่านคู่..เสื้อยืดธรรมดา และเปิดประโยคด้วยคำขอบคุณที่เข้าใจคนธรรมดา ก่อนจะฉายภาพ “ปม” ที่แบรนด์ต้องเจอคำถามรองเท้านันยางมีอะไรพิเศษ จุดเด่นเป็นยังไง เพราะนันยางเป็นเพียงรองเท้าธรรมดา ไม่หวือหวา ไม่พิเศษ ตัดพ้อถึงความไม่มีตัวตน
เป็นความในใจ และการให้กำลังใจของแบรนด์ธรรมดา แต่ในมิติการตลาด ย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งกว่านั้น หากย้อน “ตำนาน” ของทั้ง 2 แบรนด์ หนึ่งในสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญคือการผลิตสินค้าคุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ห่านคู่อยู่ใสนตลาดเกือบ 70 ปี ส่วนนันยาง เป็นรองเท้าที่ครองใจกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียน ซึ่งเติบโตมากับรองเท้าผ้าใบ รวมถึงผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยที่ต้องเคยใส่องเท้าแตะเรียบง่าย คงทนจำนวนมาก
นอกจากนี้ แบรนด์อยู่ยั้งยืนยงได้ขนาดนี้ แม้ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่ได้ “ปรับตัว” ให้สอดคล้องเข้ากับความเปลี่ยนแปลงเสมอ อย่าล่าสุดการผนึกกำลัง(Collaboration)ของทั้งคู่ปลุกให้แบรนด์เก่ากลับมามีชีวิตชีวา เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ยิ่งหากเกาะติดนันยาง เรียกว่าเก่าแต่เก๋าคือสิ่งที่บอกความเป็นนันยางได้ดี เพราะห้วงเวลาที่ผู้บริโภคตื่นตัวรักษ์โลก แบรนด์ได้นำป้ายไวนิลโฆษณาของตัวเองมารังสรรค์กระเป๋า จนเป็นไอเทมที่ต้องมี หรือ Nanyabg Red รุ่นฉลองแชมป์ยุโรปของสโมสรฟุตบอลระดับโลกอย่าง “ลิเวอร์พูล” ซึ่ง “จักรพล จันทวิมล” แม่ทัพการตลาดของนันยางและผู้เป็นสาวกหงส์แดง มีส่วนสำคัญกับแคมเปญดังกล่าว รวมถึงการนำขยะมาทำรองเท้าแตะ และแคมเปญอีกมากมายที่ให้ Nanyang never die
เมื่อ 2 แบรนด์ครีเอทไอเเดียการตลาดด้วยความสร้างสรรค์จนโดนใจผ้บริโภค กลายเป็นไวรัล ทำให้แบรนด์ระดับตำนานอื่นๆ โดดร่วมวงสานต่อแคมเปญดีๆต่อ
โดย “ยาหม่องตราถ้วยทอง” เป็นอีกแบรนด์ในตำนาน เพราะอยู่ในตลาดกว่า 70 ปีแล้ว สินค้าที่ธรรมดา แต่คุณสมบัติสินค้านั้นดูแลผู้บริโภคที่โดนแมลง สัตว์ กัดต่อย ได้ชะงัดอยู่
“ถ้วยทอง” แสดงความดีใจชัดเจน ที่มีแบรนด์เพื่อนๆแสนจะธรรมดา ไม่หวือหวา และคงเส้นคงวา แถมอยู่กับคนไทยทุกที่ทุกทางด้วย
ทั้ง 3 แบรนด์ ย้ำความธรรมดาของสินค้า ถูกถามจุดเด่น จุดขายไม่รู้จะตอบยังไง ทว่า ในความธรรมดา มองอีกมุมกลายเป็น “จุดแข็ง” ที่ทำให้แบรนด์อยู่มาได้ตราบทุกวันนี้ และเหนืออื่นใด สิ่งที่แบรนด์ทำมาตลอด นั่นคือการปรับตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะการพัฒนาหลังบ้าน เพื่อให้สินค้าคงคุณภาพ รักษามาตรฐานไว้อย่างดี
สำหรับผู้บริโภคที่มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คงพอให้คำตอบได้ว่า สิ่งที่แบรนด์นั้นฉายสรรพคุณเป็นจริงหรือไม่
นอกจากนี้ “ซิงเกอร์” แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าแก่ 133 ปี ก็ถือโอกาสส่งจดหมายถึงห่านคู่ นันยาง ถ้วยทอง และเพื่อนๆธรรมดา มาพร้อมการบอกเล่าจุดเด่นของแบรนด์คือการเป็นเพื่อนธรรมดาข้างบ้าน ที่สวมใส่ทั้งห่านคู่ นันยาง และยาหม่องถ้วยทอง
การเป็นสินค้าง่ายๆที่อยู่ในตลาดคู่ผู้บริโภคชาวไทยกว่าร้อยปี และยังคงต้องการให้คนธรรมดาเหล่านั้นใช้ชีวิตง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่มีบัตรเครดิต หรือเงินก้อน ก็สามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าของ “ซิงเกอร์” ได้ เพราะแบรนด์มีโปรแกรมเงินผ่อนให้ซื้อสินค้าในยุคข้าวยากหมากแพงนั่นเอง
ล่าสุดยังมีแบรนด์อื่นที่ไม่ยอมตกเทรนด์ ขอแจมส่งจดหมายถึงเพื่อนๆแบรนด์ เช่นกัน อย่าง เคเอฟซี ราชพฤกษ์ซีฟู้ดบุฟเฟต์ สเวนเซ่นส์ และท็อปส์ เซเว่นอีเลฟเว่น เน็ตฟลิกซ์ บาร์บีคิว พลาซ่า เป็นต้น