BH - กลับสู่ old normal (วันที่ 9 พฤษภาคม 2565)

แต่จะชดเชยได้จากอัตรากำไรสูงขึ้น เราคาดผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามากขึ้นหลังรอมฎอนสิ้นสุดลง ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนเป็นปัจจัยหนุน บริษัทคาดรายได้จะเติบโตปีนี้ แสดงถึงความมั่นใจรายได้ขาขึ้น ราคาหุ้นขึ้น 15% YTD แต่ยังไม่สะท้อนกำไรขาขึ้นของบริษัท คงคำแนะนำ ซื้อ

 

กลับไปเน้นตลาดพรีเมียม …

BH เน้นตลาดผู้ป่วยไทยในช่วงโควิดระบาดโดยให้ส่วนลดจูงใจ จากแนวโน้มที่ดีขึ้น BH จะกลับไปเน้นตลาดพรีเมียมซึ่งหนุนจากอุปสงค์คงค้างการรักษาโรคซับซ้อนซึ่งมีอัตรากำไรสูง จำนวนการปลูกถ่ายอวัยวะเพิ่มเป็น 13 รายใน 1Q22 เทียบกับ 33 รายทั้งปี 2021 และการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์เพิ่มเป็น 28 รายเทียบกับ 31 ราย BH ปรับการให้ส่วนลดลงจาก 16-17% ใน 2Q20-4Q21 เป็น 13.7% ใน 1Q22 และจะลดลงต่ำกว่า 10% ในสิ้นปี 2022 รวมถึงจะขึ้นค่ารักษา 3.2% อาจทำให้รายได้จากผู้ป่วยไทยลดลง แต่อัตราการทำกำไรสูงขึ้นจะชดเชยได้ ใน 1Q22 อัตรากำไรขั้นต้นของ BH ฟื้นตัวเป็น 41.9% ใกล้ระดับก่อนโควิดที่ 43.0%, อัตรา EBITDA 28.7% เทียบกับ 32.9% และอัตรากำไรดำเนินงาน 17.6% เทียบกับ 21.0% ถึงแม้ว่าจะมีอัตรากำไรต่ำจากบริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา  อัตรากำไรเหล่านี้สูงกว่าประมาณการ FY22F ของเรา (40.6%, 27.4% และ 16.0% ตามลำดับ) สะท้อนอัพไซด์จากประมาณการของเรา

 

 

 

… และผู้ป่วยต่างชาติและตะวันออกกลาง

BH จะเน้นผู้ป่วยต่างชาติหนุนจากเปิดประเทศตังแต่ 1 พ.ย. รายได้ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มเป็น 56% ของรายได้ใน 1Q22 จาก 46% ใน 1Q21 (71% เดินทางมาจากตปท.เทียบกับ 59% ใน 2021) และจะกลับระดับปกติ 65% ในอนาคต เราคาดผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้นหลังช่วงรอมฎอนสิ้นสุด BH จะตั้งสำนักงานตัวแทนในซาอุฯ ใน 3Q22 จะหนุนผู้ป่วยชาวซาอุฯ มากขึ้น BH ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย–ยูเครนเนื่องจากไม่มีลูกค้าจากสองประเทศนี้ แต่ราคาน้ำมันที่สูงจะทำให้ความมั่งคั่งของชาวตะวันออกกลางสูงขึ้นซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก (27% ของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ)  แม้ความขัดแย้งจะผลักดันเงินเฟ้อและต้นทุนดำเนินงานขึ้น แต่ BH จะปรับราคาขึ้นได้ ค่าเงินบาทอ่อนและยกเลิก Test & Go (1 พ.ค.) และ Thailand Pass (1 มิ.ย.) เป็นปัจจัยหนุน