7 หุ้นโรงกลั่น "ลุ้น" กำไรโตสนั่น ดันราคาหุ้นบวกสวนตลาด
ภาวะตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเจอแรงกระแทกรายวัน ทำให้การลงทุนเฟ้นหาธีมที่แข็งแกร่งกว่าตลาดเป็นกลยุทธ์หลบภัยได้ดีในช่วงนี้ ยิ่งตลาดหุ้นไทยมีกลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์ในช่วงนี้ทำให้ทั้งราคาหุ้นและกำไรมีโอกาสทำกำไรให้นักลงทุนได้
กลุ่มได้ประโยชน์ และสามารถดันราคาเป็นบวกสวนทิศทางตลาดหุ้นรวมได้ “กลุ่มโรงกลั่น” โดยอิงจากราคาน้ำมัน และค่าการกลั่นที่ทำราคาสูงอย่างต่อเนื่อง ด้านราคาน้ำมันใน 3 ตลาดหลักทั้ง เวสต์เท็กซัส (WTI) เบรนท์ (BRENT) และตลาดดูไบ (Dubai) ขึ้นทำราคานิวไฮในรอบ 8 ปี และสามารถยืนเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผลักดันทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย พร้อมกับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จำกัดการเดินทางของทั่วโลกลดลง ทำให้เกิดการเดินทางโดยรถยนต์ และเครื่องบิน ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมากขึ้น
ที่ผ่านมา ค่าการกลั่นถูกกระทบจนราคาลงไปติดลบในช่วงปี 2563 - 2564 แต่หลังจากราคาน้ำมันขยับขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 ค่าการกลั่น Singapore GRM ปรับตัวขึ้น (ก.ย.64) ที่ 5.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการกลั่นไตรมาส 3 ปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 80% (QoQ)
ค่าการกลั่นช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ขยับขึ้นเฉลี่ย ที่ 6.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ปี 2565 ค่าการกลั่นเฉลี่ย 8.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนถึง 358 % !!!
ด้านกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายในการผลิต และการดำเนินงานต่างๆ ของโรงกลั่น หรือ Gross Refining Margin : GRM) จนทำให้เกิดส่วนต่าง (Spread) ในธุรกิจโรงกลั่นล่าสุด ( 10 พ.ค. 2565) อยู่ที่ 21.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับขึ้นจากต้นปี 245%
หากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีแรงหนุนจากกิจกรรมผ่อนคลายเปิดประเทศทำให้ยังมีการคาดการณ์ว่า ค่าการกลั่นยังคงปรับตัวได้ต่อเนื่อง หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขึ้นตอบรับปัจจัยบวกดังกล่าว สะท้อนจากราคาหุ้นบวกสวนตลาดหุ้นในช่วงเจอแรงขาย
ราคาหุ้นโรงกลั่นตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันประกอบไปด้วย 7 ราย บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO ราคาหุ้นปิด 9.35 บาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 29.25% , บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง หรือ SPRC ราคาหุ้นปิด 10.90 บาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 14.29% , บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ราคาหุ้นปิด 34.75 บาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 34.65% , บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP ราคาหุ้นปิด 58.00 บาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 18.69% , บมจ.ซัสโก้ หรือ SUSCO ราคาหุ้นปิด 3.48 บาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 9.26%
ขณะที่ บมจ.ไออาร์พีซี หรือ IRPC ราคาหุ้นปิด 3.38 บาท ลดลงจากต้นปี 10.94% และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ PTTGC ราคาหุ้นปิด 48.75 บาท ลดลงจากต้นปี 16.60% เนื่องจากมีธุรกิจปิโตรเคมีจะมีปัจจัยลบจากต้นทุนน้ำมันสูงในการนำมาผลิตสินค้า
สำหรับการเลือกลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส - ซีไอเอ็มบี ให้ "ซื้อเก็งกำไร" SPRC - TOP - BCP - ESSO - PTTGC - IRPC จากการที่ค่าการกลั่นในช่วงที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นอย่างมากจนทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ตอบรับปัจจัยสำคัญ คือ ปัญหาการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และทั่วโลก กลับมาเปิดประเทศทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปอย่างน้ำมันอากาศยาน ดีเซล และเบนซิน เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้ ค่าการกลั่นล่าสุดปิดที่ 26.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ดีกว่าค่าเฉลี่ยเดือนเม.ย.65 ที่ 18.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ยกให้ TOP และ SPRC เป็น top pick โดยมีราคาเป้าหมาย 70.50 บาท และ 15.00 บาท ตามลำดับ
ด้าน บล.คิงฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะ "ซื้อ" หุ้น TOP ราคาเป้าหมาย 67.00 บาท คาดเห็นทิศทางค่าการกลั่นทยอยฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ในระยะสั้นไตรมาส 1/65 คาดผลการดำเนินงานของ TOP มีกำไรสุทธิเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ปัจจัยหนุนจากการใช้กำลังการผลิตและ Market GIM ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยค่าการกลั่นฟื้นตัวแข็งแกร่ง และการบันทึกกำไร Inventory Gain ช่วยชดเชย Crude Premium ที่แพงขึ้น ส่วนต่างราคา BZ น้ำมันหล่อลื่นที่ลดลง
สำหรับปี 2565 ประเมินกำไรปกติ 9.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 131% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจ โรงกลั่นที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และยังมีการบันทึกกำไรพิเศษในไตรมาส 2/65 จากการลดสัดส่วนการลงทุนใน GPSC ลงเหลือ 10%
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์