เจาะกลยุทธ์ "เซ็นทารา กะรนฯ" ดึงทัวริสต์ไทย เสริมแกร่งธุรกิจ รอต่างชาติฟื้น
นับตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวทั่วไทย โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” ซึ่งพึ่งพาเม็ดเงินการท่องเที่ยวมากกว่า 90% ทำให้โรงแรม “เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต” ต้องปิดให้บริการเมื่อ เม.ย.2563 ผ่านไป 2 ปี ได้ฤกษ์งามจังหวะเหมาะ เปิดให้บริการอีกครั้ง 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
ทยอยให้บริการบางส่วนจำนวน 207 ห้องพัก จาก 335 ห้องพัก ถือว่ากลับมาเปิดให้บริการเร็วกว่ากำหนดเดิมเดือน ก.ค.2565 สะท้อนถึงดีมานด์การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวชัดเจน!
เฉลิมรัฐ ขำสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต กล่าวว่า ช่วงแรกของการกลับมาเปิดให้บริการ โรงแรมปรับกลยุทธ์รุกตลาด “นักท่องเที่ยวไทย” จัดโปรโมชั่นราคาห้องพักเริ่มต้น 1,900 บาทต่อคืน เดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 พ.ค. ระหว่างรอรัฐบาลประกาศให้เริ่มใช้สิทธิ์โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” ซึ่งจะเพิ่มให้อีก 1 ล้านสิทธิ์ใหม่ ทั้งยังขยายเวลาใช้สิทธิโครงการไปจนถึง 30 ก.ย. หวังขยับสัดส่วนลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น จากก่อนโควิด-19 ระบาดที่มีเพียง 10% ส่วนใหญ่ 90% เป็นชาวต่างชาติ
“ช่วงนี้เราต้องรุกทำตลาดลูกค้าคนไทยเป็นหลัก ปีนี้ทั้งปีน่าจะเล่นกลยุทธ์ราคา เพราะดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติแม้จะเริ่มกลับมา แต่ยังไม่เพียงพอ อย่างทางเอเย่นต์ที่สนใจห้องพักของโรงแรมก็สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับโปรโมชั่นห้องพัก”
นอกจากนี้ ยังเตรียมขายแพ็คเกจห้องพักพ่วงบริการต่างๆ เช่น รถเช่า ทริปเที่ยวเกาะยอดนิยม และเซิร์ฟ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวคนรุ่นใหม่อย่างมาก เพื่อแก้จุดที่ทางโรงแรมไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น โลเกชั่นของโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ติดชายหาด ห่างจากหาดกะรน 400 เมตร เนื่องจากพฤติกรรมคนไทยชอบท่องเที่ยวพักผ่อนในโรงแรมติดชายหาด พร้อมอาศัยจุดแข็งเรื่องฐานลูกค้าของ “เครือเซ็นทารา” ทั้งกลุ่มองค์กรและนักท่องเที่ยวพักผ่อนทั่วไป (Leisure) ควบคู่กับการทำตลาดดิจิทัลเพื่อเข้าถึงลูกค้าคนไทยมากขึ้น
และเมื่อรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยกเลิกระบบ Test & Go มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.2565 เป็นต้นไป ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของตลาด “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” โรงแรมจึงตั้งเป้าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปี 2565 ที่ 50% สูงกว่าระดับ 30-40% ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้โรงแรมกลับมามีกำไร โดยเมื่อเดือน เม.ย. มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 10% เฉพาะช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 20-25% ถือว่าอยู่ในระดับน่าพอใจ ขณะที่ไตรมาส 2-3 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50% และฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 4 นี้เป็น 80-90%
โดยปัจจุบันเริ่มมียอดจองในไตรมาส 4 เข้ามาราว 20% ถือว่าค่อนข้างดี ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเข้าพักซ้ำ จากตลาดสหราชอาณาจักร รัสเซีย และออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ใน 5 อันดับแรกที่เข้าพักโรงแรมสูงสุดในช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 อันดับ 1 รัสเซีย ครองสัดส่วน 30% สหราชอาณาจักร 25% ออสเตรเลีย 20% จีน 15-18% และนิวซีแลนด์ 10-12%
“แม้อัตราการเข้าพักจะยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่เมื่อดูเรื่องราคาห้องพัก ปัจจุบันขายในราคาถูกกว่าเดิม 20% หรือเริ่มต้นที่ 2,700 บาทต่อคืน จากเดิมขายราคาเริ่มต้นประมาณ 3,000 บาทต่อคืน เพราะการแข่งขันหลังผ่อนคลายเปิดประเทศค่อนข้างสูง โรงแรมในภูเก็ตต่างลดราคาทั้งเกาะ ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่หาดกะรนที่มีโรงแรมกลับมาเปิดให้บริการ 60-70% แล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งขันระหว่างพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 3-5 ดาว บางโรงแรมลดราคาแรงเหลือ 1,000 บาทต้นๆ ต่อคืน”
สำหรับห้องพักในอาคารสูงของโรงแรมอีก 128 ห้องพักซึ่งปัจจุบันยังปิดอยู่ มีแผนกลับมาให้บริการไตรมาส 4 ส่วนการบริหารพนักงาน ก่อนโควิด-19 ระบาด โรงแรมเปิดให้บริการเต็ม 335 ห้องพัก มีพนักงาน 220 คน แต่พอต้องปิดให้บริการชั่วคราว 2 ปี มีพนักงานที่ยังอยู่กับโรงแรมมาตั้งแต่ปิด 16-18 คน เมื่อกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง มีการรับพนักงานเพิ่มเป็น 75-80 คนในปัจจุบัน พนักงานที่รับเพิ่มมาใหม่นั้น เป็นพนักงานเก่าที่กลับมาทำงานใหม่ 30-40% และอีก 50% เป็นพนักงานใหม่ โดยมีแผนรับพนักงานเพิ่มเป็น 135-140 คนภายในปีนี้ ให้สอดรับกับ 207 ห้องพักที่เปิดให้บริการแล้ว
“เมื่อวิกฤติโควิด-19 เข้ามาดิสรัปภาคการท่องเที่ยว ทำให้มุมมองการจ้างงานของผู้ประกอบการโรงแรมเปลี่ยนไป มีการเปลี่ยนรูปแบบการจ้างงาน ทุกโรงแรมจะปรับลดพนักงานประจำให้มากที่สุด เปลี่ยนเป็น Outsource มากขึ้น เป็นประเด็นที่ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมต่างๆ เคยถกกันมานาน 7-8 ปีเกี่ยวกับการเปลี่ยนวิธีจ้างคน ปรับสัดส่วนพนักงานประจำให้อยู่ที่หลักสิบคน ที่เหลือเป็นเอาต์ซอร์ส เหมือนโรงแรมในยุโรป เพียงแต่ในไทย ยังไม่มีบริษัทเอาต์ซอร์สที่มีคุณภาพมากนัก ยังต้องรอให้บริษัทเอาต์ซอร์สเติบโตเพียงพอกับความต้องการ”