‘ซุปเปอร์ริช’ ปรับโมเดลธุรกิจ หนีดิสรัปชัน จ่อให้บริการโอนเงินข้ามประเทศ

      นายปิยะ ตันติเวชยานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ริชเคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) หรือ ซุปเปอร์ริช สีส้ม กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์แลกเงินตราต่างประเทศ เริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

      จากการที่ต่างประเทศมีการเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่ง ส่งผลให้มียอดแลกเงินตราต่างประเทศมีสูงขึ้น 
 

       ทั้งนี้ยอดแลกเงินโดยรวมเพิ่มขึ้น 170% ตั้งแต่ ม.ค.ถึง ต้นพ.ค. จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ และเงินเยน ที่เพิ่มขึ้นสูง เช่น เงินเยน ที่เพิ่มขึ้นกว่า 100% หรือ มียอดแลกเงินต่อวันสูงสุด เกิน 20-30 ล้านเยน

      ซึ่งมากกว่า สต็อกของบริษัทที่เตรียมไว้ จนต้องซื้อเงินเยนจากผู้ขายในต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าให้เพียงพอ จากเงินเยนที่อ่อนค่า และญี่ปุ่นเริ่มเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวตั้งแต่ มิ.ย.นี้ ส่งผลให้เงินเยน ขึ้นมาเป็นสกุลเงินที่มียอดแลกเงินมากที่สุดเป็นอันดับ 3 จากอันดับ4-5ในอดีต

       ดังนั้นส่งผล ให้ยอดแลกเงินโดยรวม ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 30-40% แล้ว หากเทียบกับระดับก่อนเกิดโควิด-19  ซึ่งคาดว่าปีนี้จะค่อยๆเป็นการฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับสู่ 60-70% ได้ในปีนี้ หรือมียอดแลกเงินแตะระดับ 7 หมื่นล้านบาท

     ซึ่งคิดเป็นการเติบโตกว่า 150% หากเทียบกับปีก่อน ที่มียอดแลกเงินต่างประเทศเพียง 1หมื่นล้านบาท ล่าสุด มียอดแลกเงินเข้ามาแล้วราว 3-4 หมื่นล้านบาท 

      อย่างไรก็ตามนวัตกรรมใหม่ๆที่เติบโตมากขึ้น ส่งผลให้ ธุรกิจแลกเงินมีการพัฒนาไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทั้งการให้บริการผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้เงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทต้องเร่งปรับตัว เพื่อรับกับเทรนด์ใหม่เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันการถูกดีสรัปชัน ทั้งการปรับตัวไปสู่ดิจิทัล

      โดยล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อเปิดให้บริการอัตราแลกเปลี่ยนผ่านวอลเล็ต ที่คาดว่าจะได้ใบอนุญาตในปีนี้

     เช่นเดียวกับการให้บริการธุรกิจการโอนเงินไปต่างประเทศ หรือ money transfer เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนโอนเงินไปต่างประเทศ ลดปัญหาโพ้ยก๊วนต่างๆในระยะข้างหน้า