“ไบเดน” เตรียมประกาศการลดภาษีนำเข้าจีน
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมประกาศการลดภาษีนำเข้าจีน อีกหนึ่งตัวช่วยบรรเทาเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น
ปัจจุบันทั่วโลกประสบปัญหา เงินเฟ้อ เร่งตัวสูงขึ้น จากผลสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ทั้งการผลิตที่หยุดชะงักและภาคการขนส่งสินค้าที่ล่าช้าออกไป รวมไปถึงการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจเสริมสภาพคล่องของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานเร่งตัวสูงขึ้น หนุนเงินเฟ้ออีกด้วย ทางด้านสหรัฐฯ ก็ประสบปัญหาเงินเฟ้อเช่นกัน โดยเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ถึงแม้ล่าสุดในเดือนเมษายนจะชะลอลงจากเดือนก่อนที่ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี มาอยู่ที่ 8.3% แต่ก็ยังเป็นระดับที่มากกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งการที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนี้ทำให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หันมาเข้มงวดนโยบายการเงินขึ้น โดยมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยถึงครั้งละ 0.50% ในการประชุมครั้งล่าสุด ทำให้ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ อยู่ที่ 0.75% -1.00% และมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.50% ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม เพื่อชะลอความรุนแรงของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วงก่อนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เคลื่อนไหวอยู่ระดับ 2-3% ก่อนเร่งตัวขึ้น
Source: US Inflation Calculator
อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เท่านั้น ที่ใช้นโยบายการเงินเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ยังได้มีการเตรียมแถลงพิจารณาลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ได้มีการปรับขึ้นภาษีในช่วงสมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากเงินเฟ้ออีกด้วย
ปรับลดภาษีนำเข้า จะช่วยลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อได้อย่างไร?
1. ราคาสินค้านำเข้าปรับลดลงทำให้เงินเฟ้อลดลง
ในปี 2021 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าเป็นจำนวนเงิน $2.8 ล้านล้าน ขณะที่ GDP ของสหรัฐฯ อยู่ที่ $23.0 ล้านล้าน ซึ่งจะได้ว่า ยอดนำเข้าสินค้าคิดเป็นสัดส่วนราว 12% ของ GDP สหรัฐฯ และมีผลต่อเงินเฟ้อ 12% ดังนั้น การปรับลดภาษีนำเข้าในสินค้าจะช่วยลดภาระต่อผู้บริโภค ทั้งจากสินค้าที่สามารถส่งต่อให้ผู้บริโภคได้โดยตรง ซึ่งจะสามารถปรับราคาลงได้อย่างรวดเร็วทันที ผ่านการจับจ่ายใช้สอยจากร้านค้า อาทิ Amazon, Target และ Walmart และสินค้าที่ใช้สำหรับการผลิต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทต่างๆ และจะสามารถปรับลดราคาลงได้ในอนาคต
2. เงินเฟ้อลดลงจากการปรับลดราคาของบริษัทในประเทศเพื่อแข่งขันราคากับสินค้านำเข้า
การที่ปรับลดภาษีนำเข้าลง ส่งผลทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาระหว่างสินค้าในประเทศและสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากราคาสินค้านำเข้าปรับลดลง สินค้าในประเทศมีโอกาสถูกปรับราคาลง เพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศได้
การลดภาษีนำเข้าจากจีนจะช่วยลดเงินเฟ้อได้ 1.3%
จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เตรียมพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าจากจีน จะทำให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนของคนอเมริกันลดลง โดยหากย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้มีการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ส่งผลให้ผู้ที่รับภาระภาษีคือชาวอเมริกัน ดังนั้น หากมีการปรับลดภาษีนี้ลง จะช่วยภาระให้กับบริษัทในอเมริกาและประชาชน จะส่งผลให้ เงินเฟ้อ ลดลง 1.3% (ในงานวิจัยได้แบ่งผลการลดลงของเงินเฟ้อจากราคาสินค้าลดลง 0.30% และผลจากการแข่งขันราคา 0.96%)
Source: Peterson Institute for International Economics (PIIE)
ในสภาวะที่ เงินเฟ้อ อยู่ในระดับสูงถึง 8% อย่างในปัจจุบัน การปรับลดภาษีนำเข้า เป็นอีกทางเลือกที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยบรรเทาความร้อนแรงของเงินเฟ้อ นอกจากการหวังเพียงพึ่งพาการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว ซึ่งเบื้องต้นทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ก็ได้มีการเตรียมแผนในการลดภาษีนำเข้าจากจีน ที่เคยตั้งไว้ในช่วงสมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเรามองว่าหากมีการปรับลดภาษีนี้ จะช่วยทำให้เงินเฟ้อมีโอกาสชะลอตัวลงในอนาคตข้างหน้า
ข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์และการคาดหมาย รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้ทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่ได้รับมาและพิจารณาแล้วเห็นว่า น่าเชื่อถือ แต่ทั้งนี้ไม่อาจรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ แท้จริงของข้อมูลดังกล่าว ความเห็นที่แสดงไว้ในรายงานฉบับนี้ได้มาจากการพิจารณาโดยเหมาะสมและรอบคอบแล้ว และอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใด บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏ อยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่เพียงผู้เดียว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และเว็บไซต์ tiscoasset หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds