CENTEL ไตรมาสแรกขาดทุนลด รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์ รายได้เพิ่ม
CENTEL รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์ บวกมาตรการรัฐ กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนรายได้ไตรมาสแรกขยายตัวทั้งธุรกิจโรงแรม - ร้านอาหาร ธุรกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้ผลประกอบการขาดทุนลดลงจาก 475 ล้านบาท เหลือแค่ 43 ล้านบาท
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/2565 สิ้นสุด 31 มี.ค.2565 ขาดทุนสุทธิ 43.69 ล้านบาท หรือ 0.03 บาทต่อหุ้น ขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 475.727 ล้านบาท
นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และ รองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร CENTEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารรวม 2,633 ถ้านบาท เพิ่มขึ้น 360 ล้านบาท เติบโตประมาณ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ รัฐบาลมีมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง ความกังวลจากการติดเชื้อโควิด-19 ลดลงเนื่องจากอัตราการฉีดวัดซีนของประชากรเพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเหมือนสายพันธุ์เดลต้าที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นกลับมารับประทานอาหารในร้านมากขึ้น
กอปรกับในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายทั้งในช่องทางของการรับประทานที่ร้าน การซื้อกลับบ้าน และการเดลิเวอรี รวมถึงมาตรการช้อปดีมีคืนของภาครัฐ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริมยอดขายในไตรมาสนี้
โดยยอดขายของบริษัท มีการเติบโตในทุกช่องทางที่กล่าวมา โดยในไตรมาส 1 /2565 อัตราการเติบโตจากยอดขายสาขาเดิม เพิ่มขึ้นในอัตรา 10% เทียบปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของ 4 แบรนด์หลัก 9% และ แบรนด์อื่นๆ 15% ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,398 สาขา เพิ่มขึ้น 209 สาขา เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบรนด์ที่มีการขยายสาขาเป็นหลัก ได้แก่ อาริกาโตะ (+79) มิสเตอร์ โดนัท (+60) เคเอฟซี (+15) แกร็บ คิทเช่น บาย เอเวอรีฟู้ด (+14) และแบรนด์ของบริษัทร่วมทุน (+22)
บริษัทมีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,502 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15% จาก 1,311 ล้านบาท ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงอยู่ที่ 7% ของรายได้จากธุรกิจอาหาร เนื่องจากแรงกดดันทางด้านต้นทุนราคาวัตถุดิบ รวมถึงค่าขนส่ง
อย่างไรก็ดี บริษัทมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 627 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% เทียบปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ โดยอัตราส่วนต่อรายได้รวม (% EBITDA) อยู่ที่ 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 26% บริษัทมีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายกันย์ กล่าวอีกว่า ส่วนธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวม 1,249 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2565 เพิ่มขึ้น 748 ล้านบาท หรือ 149% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงแรมในประเทศไทย โดยฉพาะโรงแรมระดับ 5 ดาว และการกลับมาเปิดโรงแรมเซ็นทารา รีเจิร์ฟ สมุย และโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ กอปรกับเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลกระทบโดยรวมต่อการท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในธุรกิจโรงแรมบริษัท มีกำไรขั้นต้นจำนวน 628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 177% โดยอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 59% ของรายได้จากกิจการโรงแรม EBITDA จำนวน 324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 419 ล้านบาท หรือ 441% เทียบปีก่อน โดย EBITDA อยู่ที่ 26% และบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 149 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิลดลง 351 ล้านบาท หรือ 70% เทียบปีก่อน
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์