EP ไตรมาส 1/65 ขาดทุน 82.76 ล้านบาท จากรายได้ Solar rooftop
“อีสเทอร์น พาวเวอร์“ เผยไตรมาส 1/65 มีผลขาดทุน 82.76 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 738 ล้านบาท ลดลง 90.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุรายได้ จากธุรกิจไฟฟ้า ลดลง 18.89% เป็นรายได้จาก Solar rooftop เท่านั้น
บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท ไตรมาส1/2565 มีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 82.76 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 ซึ่งมีผลกำไร 491 ล้านบาท ลดลง 87.67 ล้านบาท
รายได้จากการขาย และบริการ สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 222.19 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 13.75 ล้านบาท คิดเป็น 6.60% ซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจสิ่งพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 20.03 ล้านบาท คิดเป็น 11.05 % เนื่องจากมียอดขายจากงานบรรจุภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจไฟฟ้า ลดลง 6.28 ล้านบาท คิดเป็น 18.89% ซึ่งเป็นรายได้จาก Solar rooftop เท่านั้น ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังงานลม ณ ประเทศเวียดนาม รวม 160 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถ COD ภายในเดือนมิถุนายน 2565
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 738 ล้านบาท โดยลดลง 6.61 ล้านบาท คิดเป็น 90.03% เมื่อ
เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
รายได้อื่น
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 738 ล้านบาท โดยลดลง 6.61 ล้านบาท คิดเป็น 90.03% เมื่อ
เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ต้นทุนขายและบริการ
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 199,60 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 19.24 ล้านบาท คิดเป็น 10.67% ซึ่งเป็นต้นทุนสิ่งพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 12.04 ล้านบาท คิดเป็น 7.46% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากงานบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้น และต้นทุนธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 7.20 ล้านบาท คิดเป็น 38.05%
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 55.82 ล้านบาท ลดลง 51.91 ล้านบาท คิดเป็น 48.18% ซึ่งเป็น
ค่าใช้จ่ายของธุรกิจสิ่งพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ลดลง 12.27 ล้านบาท คิดเป็น 54.03% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 6.95 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายของธุรกิจไฟฟ้าลดลง 39.63 ล้านบาท คิดเป็น 43.48% เนื่องจากกิจกรรมจากธุรกิจไฟฟ้าลดลงโดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะมาจากการรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 32.00 ล้านบาท
ต้นทุนทางการเงิน
สำหรับงวดไตรมาส 1/2565 จำนวน 65.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.43 ล้านบาท คิดเป็น 48.63% เมื่อ
เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นจากดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ จำนวน 34.66 ล้านบาท คิดเป็น 238.37%จากการออก และเสนอขายหุ้นกู้เพิ่ม จำนวน 1,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 เพื่อใช้ลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนาม
ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินของธุรกิจสิ่งพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ ลดลง 12.71 ล้านบาท คิดเป็น 87.42% เนื่องจากการจ่ายคืนเงินกู้ยืมตามปกติส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) ของบริษัทร่วมที่ใช้วิธีส่วนได้เสีย
ในปี 2564 บริษัทได้ดำเนินการขายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทั้งหมด และได้รับรู้กำไรจากการ
จำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในไตรมาส 1/2565 จึงไม่มีส่วนแบ่งกำไร(ขาดทุน)ของบริษัทร่วม
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์