"อีเวนต์กีฬาโลก" ฟื้นชีพจรท่องเที่ยวไทย โหมโรงปลุกมู้ด "เปิดประเทศ" กลางปี

++ แบดมินตัน 2 รายการใหญ่นำร่องรับ "เปิดประเทศ"

ประเดิมด้วยการแข่งขัน “แบดมินตัน” ประเภททีมชายและทีมหญิงชิงแชมป์โลก “โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ บีดับเบิลยูเอฟ โธมัส-อูเบอร์ คัพ ไฟนอล 2022” หรือที่แฟนๆ ลูกขนไก่เรียกกันติดปากว่า “โธมัส-อูเบอร์ คัพ” รูดม่านไปเป็นที่เรียบร้อย นักแบดมินตันระดับโลกจากชาติต่างๆ ขับเคี่ยวกันสุดมันตั้งแต่วันแรกของรอบแบ่งกลุ่มจนถึงวันชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 8-15 พ.ค.ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี

แถมบทสรุปยังหักปากกาเซียนทั้งฝั่งทีมหญิงและทีมชาย เมื่อ “ทีมหญิงเกาหลีใต้” คว้าแชมป์อูเบอร์คัพเป็นสมัยที่ 2 มาครองได้สำเร็จ หลังรอมาตั้งแต่ปี 2010 ดวลแร็กเก็ตกันนานกว่า 6 ชั่วโมง กว่าจะเฉือนเอาชนะแชมป์เก่า “ทีมหญิงจีน” เจ้าของสถิติแชมป์ 15 สมัย ด้วยสกอร์รวม 3-2 คู่

ส่วนถ้วยโธมัสคัพ ม้ามืด “ทีมชายอินเดีย” สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรก!! ปราบแชมป์เก่า “ทีมชายอินโดนีเซีย” เจ้าของสถิติแชมป์ 14 สมัย ได้แบบพลิกความคาดหมาย! ด้วยสกอร์รวม 3-0 คู่ แม้แต้มจะดูถล่มขาดลอย แต่รายละเอียดในเกมของแต่ละคู่นั้น ล้วนชิงไหวชิงพริบกันจนไม่อาจละสายตา

ขณะที่บรรยากาศภายในสนามแข่ง โดยเฉพาะ 4 วันสุดท้ายของรายการโธมัส-อูเบอร์ คัพ 2022 อัดแน่นด้วยความตื่นเต้นและเสียงเชียร์ปลุกเร้าจากผู้ชมทั้งชาวไทยและต่างชาติ เมื่อประเมินด้วยสายตาเบื้องต้น คาดมีผู้ชมไทย-เทศตบเท้าเข้ามาประมาณ 25-30% ของความจุปกติ อิมแพ็ค อารีน่า ซึ่งรองรับได้มากกว่า 12,000 ที่นั่ง หลังทางจังหวัดนนทบุรีได้พิจารณาอนุญาตให้เป็นการแข่งขันแบบเปิด สามารถมีผู้ชมในสนามได้ 50% ของความจุ หรือประมาณ 6,000 ที่นั่ง

วันสุดท้ายซึ่งเป็นการแข่งขันรอบชิงฯของทีมชาย มีผู้เข้าชมมากถึง 40-50% ของความจุปกติ หรือเกือบ 100% ของจำนวนที่นั่งตามมาตรการคุมโควิด-19 นำทัพโดยกองเชียร์คู่ชิงฯทั้งฝั่งอินเดียและอินโดนีเซีย ขนอุปกรณ์ทั้งกลองและเครื่องดนตรีให้จังหวะกันแบบจัดเต็ม ไม่มีใครยอมใคร!

ชวนให้นึกถึง “ความปกติเต็มรูปแบบ” เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งโธมัส-อูเบอร์ คัพ 2018 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เช่นกัน ในตอนนั้นเราเห็นบรรยากาศความคึกคักของนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก ทั้งชาวจีนที่เดินทางมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ผู้หลงใหลแบดมินตัน

ใครพลาดเข้าชมการแข่งขันโธมัส-อูเบอร์ คัพ สัมผัสเสน่ห์และความขลังแบบติดขอบสนามปีนี้ บอกได้คำเดียวว่าเสียดาย เพราะว่า “มัน-ดี-มาก” ทั้งความสนุก ตื่นเต้น และความประทับใจในฐานะที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

แต่อย่าเพิ่งคอตกชกอกตัวเอง ยังมีอีกรายการแข่งขันให้เหล่าแฟนๆ ได้แก้มือ สานต่อความมันกันกับรายการ “จีอาร์ โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น 2022” หรือรายการไทยแลนด์ โอเพ่น ตั้งแต่วันที่ 17-22 พ.ค.2565

ข่าวดีคือรายการไทยแลนด์ โอเพ่น ได้ยกเลิกมาตรการตรวจผล ATK ก่อนเข้างานแล้ว ยกเว้นผู้มีอาการเข้าเกณฑ์ป่วยโควิด-19 จะต้องเข้ารับการตรวจ ATK ณ จุดที่กำหนด ทั้งนี้ผู้ชมต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2 เข็มขึ้นไป (หรือวัคซีน J&J จำนวน 1 เข็ม) โดยต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากแอพพลิเคชัน “หมอพร้อม” หรือวัคซีนพาสปอร์ตเท่านั้น

แม้ความกดดันจากการแข่งขันประเภทบุคคลจะต่างจากประเภททีม แต่เชื่อว่าความสนุกเข้มข้นของรายการไทยแลนด์ โอเพ่น จะสามารถมัดใจผู้ชมได้อย่างแน่นอน เพราะเหล่านักแบดมินตันระดับโลกยังคงลงสนาม วาดลวดลายให้ได้ชมเป็นขวัญตาอีกเพียบ!

 

++ วิ่งมาราธอน ลากูน่า ภูเก็ต เงินสะพัดไม่น้อยกว่า 144 ล้าน

อีเวนท์ลูกขนไก่กรุยทางรับโมเมนตัมการเปิดประเทศกันแล้ว ต่อด้วยการแข่งขันวิ่งมาราธอนชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “วิ่งมาราธอน ซูเปอร์สปอร์ต ลากูน่า ภูเก็ต” ซึ่งเตรียมพร้อมต้อนรับนักวิ่งจากไทยและทั่วโลก ในวันที่ 11-12 มิ.ย.นี้ ณ ลากูน่า ภูเก็ต กลุ่มโรงแรมรีสอร์ทที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย

วิ่งมาราธอน ซูเปอร์สปอร์ต ลากูน่า ภูเก็ต ถือเป็นงานกีฬาระดับนานาชาติงานแรกที่จัดขึ้นใน จ.ภูเก็ต หลังสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยยกเลิกระบบ Test & Go ผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศสามารถเดินทางเข้าภูเก็ตได้โดยไม่ต้องมีการตรวจคัดกรองโควิด-19 อีก ทั้งนี้ยังเป็นการแสดงความพร้อมสู่สายตาชาวโลกถึงการกลับมาของ จ.ภูเก็ต ในฐานะ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงกีฬา” ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเกาะภูเก็ตอีกด้วย 

รัชดาภรณ์ โออิน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นฮับการท่องเที่ยวเชิงกีฬาที่สำคัญและเป็นเจ้าภาพในการจัดงานอีเวนต์กีฬาระดับนานาชาติหลายรายการมาอย่างยาวนาน งานวิ่งมาราธอน ซูเปอร์สปอร์ต ลากูน่า ภูเก็ต จะจัดขึ้นอีกครั้งเป็นปีที่ 16 และจะเป็นงานกีฬามวลชนงานแรกในภูเก็ตหลังการระบาดของโควิด-19 ทางคณะผู้จัดงานหลายภาคส่วนและชุมชนต่างๆ พร้อมให้ต้อนรับผู้เข้าร่วมแข่งขันตลอดจนผู้ติดตามหลายพันคนเข้ามาเยือนภูเก็ตในครั้งนี้

“คาดว่างานวิ่งฯนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัดด้านการท่องเที่ยวแก่ภูเก็ตราว 144 ล้านบาท จากนักวิ่งชาวไทยและทั่วโลกรวมกว่า 8,000 คน พำนักไม่น้อยกว่า 3 คืน และใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 4,000-6,000 บาทต่อวัน”

โดยตลอด 15 ปีที่จัดงานวิ่งนี้ ได้ต้อนรับนักวิ่งกว่า 200,000 คนจากกว่า 70 ประเทศทั่วโลกสู่ภูเก็ต และเป็นหนึ่งในอีเวนท์ที่ใหญ่ที่สุดใน จ.ภูเก็ต ตลอดจนเป็นงานวิ่งมาราธอนชั้นนำของประเทศไทยที่ได้รับการการันตีมาตรฐานสนามวิ่งมาราธอนระดับสากลจากสมาคมวิ่งมาราธอนนานาชาติและการแข่งขันทางเรียบ (IAAF AIMS) และเป็นควอลิฟายเรซเพื่อเข้าแข่งขันวิ่งระดับโลกอย่าง บอสตัน มาราธอน ได้อีกด้วย

ชาลี แซ่จึง ผู้ช่วยผู้อำนวยการการแข่งขัน บริษัท ภูเก็ตมาราธอน จำกัด เปิดเผยว่า “วิ่งมาราธอน ซูเปอร์สปอร์ต ลากูน่า ภูเก็ต” เป็นงานวิ่งยอดนิยมที่ดึงดูดนักวิ่งจากทั่วประเทศไทยและต่างประเทศเข้าร่วมงาน นอกจากนี้ยังเป็นงานที่มีความสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่นใน จ.ภูเก็ต ยิ่งกว่านั้นในปีนี้จะเป็นงานที่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าภูเก็ตพร้อมกลับมาต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว

สำหรับการแข่งขันมีทั้งหมด 6 ประเภทตั้งแต่วิ่ง 2 กม. จนถึงระยะมาราธอน จึงเป็นงานวิ่งที่คนทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับหลายๆ ครอบครัวที่ต้องการความสนุกสนานเพื่อสุขภาพที่ดี ขณะเดียวกันก็จะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มรูปแบบต่างๆ ของ ลากูน่า ภูเก็ต ด้วย

 

++ แดงเดือด 12 ก.ค. ประทับตรายางคนทั่วโลก

อีกไฮไลต์ห้ามพลาดในช่วงกลางปีนี้คืองาน “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ศึกฟุตบอล “แดงเดือด” ครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างสโมสรดังของอังกฤษ “ลิเวอร์พูล” กับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” บนแผ่นดินไทย วันที่ 12 ก.ค.2565 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน คอนเฟิร์มนักเตะชุดใหญ่ฟูลทีม หลังเป็นกระแสทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด เจ้าของสัญญาลิขสิทธิ์ศึกแดงเดือดในไทย ให้สัมภาษณ์บนเวทีงานแถลงข่าวแมตช์ประวัติศาสตร์นี้เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่มาของบิ๊กอีเวนท์นี้เกิดจากแนวคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้เกมเกมเดียวนี้ไปสู่ “สายตาคนทั่วโลก” ได้ เพราะมูลค่าของสโมสรลิเวอร์พูลและแมนฯยูไนเต็ดเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกหมายปอง แต่มาหยุดที่เมืองไทย!

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา อีกหนึ่งหัวเรือใหญ่ผู้จัดศึกแดงเดือดในไทยกลางปีนี้ เล่าเสริมว่า เมื่อปี 2562 ภาคท่องเที่ยวสร้างรายได้รวม 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นเกือบ 20% ของจีดีพี แต่พอเจอวิกฤติโควิด-19 ทำรายได้ลดลงเหลือแค่ 3 แสนล้านบาท และกว่าเราจะเปิดประเทศ กว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเดินทางเหมือนเดิม ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปีกว่าจะปรับตัวได้

ทางทีมผู้จัดงานฯจึงมองว่า ควรบวกกัน 2 เรื่องไปเลย ระหว่างการประทับ “ตรายาง” หรือ “Rubber Stamp” แก่คนทั่วโลก! ว่าคนไทยเก่ง สามารถจัดงานระดับโลกได้ บวกกับมีตัวกระตุ้นให้คนออกจากบ้าน ไม่เช่นนั้นใช้เวลานาน 3-4 ปีแน่นอนกว่าจะมีรายได้รวมการท่องเที่ยวกลับมาอยู่ที่เกือบ 20% ของจีดีพีเหมือนเดิม

“ศึกแดงเดือดนี้จึงเป็นตัวกระตุ้นให้คนที่อยากจะดูฟุตบอล แฟนคลับทั่วอาเซียนลุกขึ้นมาจองตั๋วแล้วเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย พอมาเที่ยวประเทศไทยแล้ว เราสามารถส่งออกซอฟท์เพาเวอร์ วัฒนธรรมของคนไทย มาเห็นอีเวนท์ที่เราสร้างในเมืองไทย ว่าเราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอาเซียนที่ไม่มีใครทำได้”