BEC ผ่านไตรมาสที่กำไรตํ่าสุดในรอบปีไปแล้ว
กำไรสุทธิของ BEC ใน 1Q22 อยู่ที่ 174 ล้านบาท (+25% YoY, -41% QoQ) ซึ่งเป็นผลมาจาก i) รายได้ค่าโฆษณาลดลง 7% YoY และ 20% QoQ เพราะยอดโฆษณาทาง TV ชะลอตัวลงในช่วงที่ COVID-19 ระบาด
ในขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น และยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลด้วย ทั้งนี้ อัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยลดลง 6% YoY และ 2% QoQ เหลือ 79,900 บาท/นาที ในขณะที่ utilization rate ลดลง 1ppts YoY และ 15ppts QoQ เหลือ 63.5% ii) รายได้ Global Content Licensing (GCL) และ platform ดิจิทัลเพิ่มขึ้น 8% YoY แต่ลดลง 34% QoQ iii) สัดส่วน SG&A ต่อรายได้เพิ่มขึ้น 3% YoY แต่ลดลง 3% QoQ เนื่องจากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้เราคิดว่าผลประกอบการ 1Q65 น่าจะต่ำที่สุดในรอบปีนี้
คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจาก 2Q65 เป็นต้นไป
เราคาดว่าผลประกอบการของ BEC จะดีขึ้นใน 2Q65 เนื่องจาก i) ปัจจัยฤดูกาล ซึ่งบริษัทคาดว่าทั้งอัตราค่าโฆษณา และ utilization rate จะดีขึ้น QoQ ทั้งคู่ ii) มีการขยายเวลาออกอากาศรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ (+15 นาที) และรายการข่าว เรื่องเด่นเย็นนี้ เสาร์อาทิตย์ (+30 นาที) ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป และ iii) สถานการณ์ COVID-19 ดีขึ้นทำให้ยอดโฆษณาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2H65 ตามโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
Valuation and action
เรายังคงมองว่าผลประกอบการมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้น และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F เอาไว้เท่าเดิมที่ 1.1 พันล้านบาท และปี 2566F ที่ 1.3 พันล้านบาท โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนยอดโฆษณา ii) รายได้จาก GCL และ platform ดิจิทัลจะเพิ่มขึ้น และ iii) บริษัทยังคงใช้นโยบายคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำซื้อ BEC โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 18.00 บาท (PER ที่ 32.3x)
Risks
ยอดโฆษณา และรายได้ GCL ต่ำกว่าที่คาดไว้