“สินมั่นคง” แจงกรณีเคลมโควิด หลังศาลรับคำร้องฟื้นฟูกิจการ
“สินมั่นคง” ตอบ7คำถามโคลมโควิด หลังศาลรับคำขอฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้ลูกค้าประกันภัยโควิดมีความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจงประเด็นคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยื่นฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯเพื่อให้ลูกค้าประกันภัยโควิดได้มีความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้
1. ถาม : การยื่นฟื้นฟูกิจการ ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี หมายความว่าสินมั่นคงจะหยุดการจ่ายสินไหมโควิดไปอย่างน้อย 5 ปี จริงหรือไม่
ตอบ : ไม่จริง บริษัทฯ จะเริ่มจ่ายหลังจากศาลเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณเดือนมิถุนายน2566 และแนวทางการจ่ายชำระหนี้ที่อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการจะต้องมีการเจรจากันระหว่างเจ้าหนี้และบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาแนวทางการชำระหนี้ที่เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ และจะต้องได้รับจากแผนฟื้นฟูมากกว่ากรณีปิดกิจการ
2.ถาม : เมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูแล้ว ทำไมจึงไม่สามารถจ่ายเงินผ่อนตามสัญญาได้
ตอบ : หลังศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะไม่สามารถจ่ายสินไหมโควิดให้ผู้เอาประกันกรมธรรม์โควิดได้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากติดข้อห้ามตามกฎหมายฟื้นฟูกิจการ (Automatic Stay หรือสภาวะพักการชำระหนี้) เพื่อให้บริษัทฯ กับเจ้าหนี้ได้เจรจาตกลงหาแนวทางการชำระหนี้ผ่านกระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยจะต้องมีการเสนอแผนการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โควิดอย่างเท่าเทียมกันทุกรายภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ
3.ถาม : หากศาลไม่มีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะกลับมาจ่ายสินไหมโควิดอีกหรือไม่
ตอบ : หากศาลไม่อนุญาตให้บริษัทฯ ฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเงินได้ ซึ่งบริษัทฯ จะไม่สามารถจ่ายสินไหมโควิดได้ สำนักงาน คปภ. จะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต และบริษัทฯ ต้องหยุดดำเนินธุรกิจอย่างแน่นอน
การฟื้นฟูกิจการจึงเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเพียงช่องทางเดียวที่มีอยู่ หากไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้ จะมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากและไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดเลย บริษัทฯ จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการฟื้นฟูกิจการให้ประสบความสำเร็จ เพื่อประโยชน์แก่ผู้เอาประกันโควิดและผู้เอาประกันประเภทอื่นๆ
4.ถาม : เข้าฟื้นฟูกิจการแล้วจะยังมีการจ่ายหนี้โควิดหรือไม่
ตอบ : แม้จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ผู้เอาประกันยังเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ จะต้องเสนอแนวทางการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะต้องมีมูลค่าการชำระหนี้มากกว่ากรณีที่บริษัทฯ ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอนและหากที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการและศาลเห็นชอบด้วยแผนดังกล่าว เจ้าหนี้สินไหมโควิดย่อมได้รับชำระหนี้ตามข้อกำหนดของแผนต่อไป
5.ถาม : แผนฟื้นฟูกิจการมีระยะเวลา 5 ปี แต่การเรียกร้องค่าสินไหมของผู้เอาประกันหรือเจ้าหนี้มีอายุความ 2 ปี ทำให้อายุความในการเรียกร้องค่าสินไหมหมดก่อนที่แผนฟื้นฟูจะเสร็จ จริงหรือไม่
ตอบ : ไม่จริง การนับอายุความในการเรียกร้องค่าสินไหมจะหยุดลงเมื่อศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ และจะเริ่มกลับมานับอายุความต่ออีกครั้งเมื่อออกจากการฟื้นฟูกิจการ ดังนั้น ระยะเวลาในแผนฟื้นฟูกิจการไม่ได้มีผลต่ออายุความในการเรียกร้องค่าสินไหม
6.ถาม : กระบวนการเจรจาในศาล จะเอื้อประโยชน์ให้ลูกหนี้มากกว่าเจ้าหนี้โควิด จริงหรือไม่
ตอบ : ไม่จริง การเจรจาในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ใช้หลักการให้เกิดผลชนะด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ภายใต้ความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างกันด้วยเหตุ ด้วยผล และข้อเท็จจริง และกฎหมายกำหนดให้เป็นสิทธิของเจ้าหนี้ที่มีสิทธิออกเสียงว่าจะยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่บริษัทฯ เสนอหรือไม่
เนื่องจากเจ้าหนี้โควิดมีจำนวนหลายแสนราย ความคุ้มครองสูงสุดคือ 100,000 บาท และจำนวนหนี้รวม 30,000 ล้านบาท หากไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น บริษัทฯ จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตในที่สุด และเจ้าหนี้ต้องไปเรียกร้องต่อที่กองทุนประกันวินาศภัยซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีกว่าทุกรายจะได้รับชำระหนี้
7.ถาม : การสอบถามสถานะเคลมสินไหมโควิด ติดต่อได้ที่ใดบ้าง
ตอบ : บริษัทฯ ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยผู้เอาประกันสามารถสอบถามสถานะเคลมสินไหมโควิดได้ที่อาคารสำนักงานใหญ่ และสาขาของบริษัทฯ ในแต่ละจังหวัด