จับตา‘ดร.ยุ้ย-เกษรา’นั่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯกทม.สานนโยบายเคลื่อนกรุงเทพฯ
"ดร.ยุ้ย-เกษรา”เอ็มดี เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ในฐานะหัวหน้าทีมนโยบาย ของ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.คนที่17 กำลังเป็นที่จับตาว่าจะตัดสินใจก้าวสู่ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่? และจะส่งไม้ต่อใครนำทัพ “เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” หากต้องลงสนามเต็มตัวจากนี้ไป !
หญิงแกร่งแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ "ดร.ยุ้ย-เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมนโยบาย ของ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 ที่ได้คะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์! ทุบสถิติทะลุ 1.3 ล้านเสียง กำลังเป็นที่จับตาว่าจะตัดสินใจก้าวสู่ตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่? และจะส่งไม้ต่อใครนำทัพ “เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” หากต้องลงสนามเต็มตัวจากนี้ไป !
ระหว่างการหาเสียงที่ผ่านมา ดร.ยุ้ย-เกษรา ถือเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการคิด พร้อมลุยหาเสียงกับชัชชาติจนถึงวินาทีสุดท้าย! บางวันถึงขั้นไปโรงพยาบาลให้น้ำเกลือก่อนลงพื้นที่กันเลยทีเดียว
ย้อนว่าด้วยแนวนโยบาย...เป็นรูปแบบการทำงานในฝันที่เธอมุ่งมั่นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการพัฒนาโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็กในชุมชน ที่จะช่วยสร้างให้เด็กมีโอกาสทางการศึกษาที่ดี และการดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงการเข้าไปยกระดับทักษะอาชีพให้กับชุมชน มีงาน มีอาชีพ ทำได้ด้วยตัวของตนเอง พร้อมสร้างระบบการทำงานให้เกิดขึ้นเพราะปัญหาคนตกงานคือปัญหาใหญ่
รวมถึงยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวในแบบยั่งยืน การสร้างให้เกิดความเท่าเทียมกันของรายได้ของคนทุกกลุ่มเพื่อลดความเลื่อมล้ำ! ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ ซึ่งต้องแก้ไขด้วยนโยบายการสร้างเมือง “ไม่ใช่” การสร้างบ้านอีกต่อไป เป็นความตั้งใจที่ต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกเจเนอเรชั่นอยู่ในเมืองที่มีความสุขมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เธอ ยอมรับว่า ครอบครัวไม่ได้เห็นด้วยให้มาทำงานการเมือง แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเธอ ครอบครัวไม่ได้ขัด เพราะที่ผ่านมาเธอได้ลาออกจากอาจารย์ภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลับเข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัวจากบิดา “ธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการ เสนาฯ กระทั่งนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ ก้าวสู่ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ทั้งหมู่บ้านจัดสรร การพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น
ในปี 2564 เสนาฯ ซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ 4 ดีล มูลค่ารวม 1,254 ล้านบาท ได้แก่ด 1.ซื้อกิจการจากบริษัท ภัทรนันท์ แอสเซท จำกัด 100% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้ว มูลค่า 385 ล้านบาท ทำให้บริษัท ภัทรนันท์ฯ มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเสนาฯ และเป็นผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ ภายใต้แบรนด์ “ไฮป์ สาทร-ธนบุรี” สูง 8 ชั้น 5 อาคาร 914 ยูนิต บนที่ดิน 7 ไร่ โดยได้เปลี่ยนแบรนด์เป็น “เฟล็กซี่-FLEXI สาทร-เจริญนคร” และเตรียมลงทุนพัฒนาเฟส 2 ปี 2565 หลังจากโอนกรรมสิทธิ์เฟส 1 ในเดือนธ.ค. 64
2.ซื้อหุ้นบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ซึ่ง เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯโครงการแนวราบและคอนโด
3.ซื้อคอนโดจากบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ “ABC” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปรับเป็นแบรนด์ “เฟล็กซี่”(FLEXI) เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่Gen Y & Gen Z ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
และ 4.ซื้อคอนโด“เฟรช เตาปูน อินเตอร์เชนจ์”จากณุศาศิริ แล้วเปลี่ยนแบรนด์เป็น “เฟล็กซี่”จำนวน 1 โครงการ
ในปี 2565 วางแนวทางการขยายธุรกิจของเสนาฯ ด้วยการหา “พันธมิตร” เพื่อขยายโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจบริการด้านการดูแล ป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพ ร่วมกับทีมแพทย์ตั้งบริษัทในเครือภายใต้ “SENA HEALTHCARE” รองรับการเติบโตของสังคมสูงอายุ ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้า พร้อมช่วยบริหารจัดการแบบครบวงจร ธุรกิจให้บริการทางการเงินเพื่อซื้ออสังหาฯ สานฝันลูกค้าอยากมีบ้าน และเพื่อให้บริษัทลดความเสี่ยง และสามารถเติบโตก้าวกระโดดจากธุรกิจที่ ”ไม่ใช่” อสังหาฯ
การขับเคลื่อนธุรกิจของเสนาฯ จะเป็นอย่างไร? น่าสนใจไม่ต่างจากการตัดสินใจครั้งใหญ่ของ “ดร.ยุ้ย-เกษรา”