"ไทยแอร์เอเชีย" ฟื้นบินอินเตอร์ฯ 20% มัลดีฟส์-สิงคโปร์-บาหลี ยอดเด่น!
หลังจากสายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย” ทยอยเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ ได้ผลตอบรับดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายประเทศต่างๆ ที่เริ่ม “เปิดประเทศเต็มที่” ต้อนรับผู้ได้รับวัคซีนครบโดส สามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 เเละไม่ต้องกักตัว
ขณะที่รัฐบาลไทยได้ผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเลิกระบบ Test & Go มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2565 เป็นต้นไป ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้โดยสะดวก เเละลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง
สันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบัน “ไทยแอร์เอเชีย” เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศแล้ว รวม 20 เส้นทาง สู่ 8 ประเทศ หรือมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่ดีมาก โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนที่เป็นเส้นทางบินระยะใกล้ และค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่คุ้มค่า ทำให้ได้รับความนิยมเป็นตัวเลือกเเรกในการกลับมาเดินทางอีกครั้งของนักท่องเที่ยวไทย ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของประเทศไทย โดยสายการบินตั้งเป้าหมายจะเพิ่มความถี่เเละเส้นทางบินใหม่ๆ สอดคล้องกับปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
ล่าสุด ไทยแอร์เอเชียพร้อมกลับมาให้บริการอีกครั้งกับเส้นทางทางบินเข้าเเละออก “สปป.ลาว” พร้อมกัน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางสู่ “เวียงจันทน์” 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ทุกวันพุธและอาทิตย์) ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเมืองหลวงแห่งวิถีชีวิต สักการะพระธาตุหลวง เช็กอินประตูชัย เเละคาเฟ่ต่างๆ เริ่มบิน 1 มิ.ย.2565 เเละเส้นทางสู่ “หลวงพระบาง” 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (ทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์) สัมผัสวิถีชีวิตเเบบสโลว์ไลฟ์กับเมืองมรดกโลกแห่งวัฒนธรรม เริ่มบิน 2 ก.ค.2565 ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวและการจับจ่ายระหว่างสองประเทศร่วมกัน
ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศสู่ 8 ประเทศ 20 เส้นทาง โดยบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เวียดนาม (ฮานอย, โฮจิมินห์, ดานัง) สู่กัมพูชา (พนมเปญ, เสียมราฐ) สู่มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์, ปีนัง, ยะโฮร์บาห์รู) สู่อินโดนีเซีย (บาหลี) สู่สิงคโปร์ สู่อินเดีย (เชนไน, โกชิ, โกลกาตา, บังกาลอร์, ชัยปุระ) สู่มัลดีฟส์ และสู่ สปป.ลาว (เวียงจันทร์, หลวงพระบาง) นอกจากนี้ยังบินตรงจากภูเก็ต สู่สิงคโปร์ และบินตรงจากหาดใหญ่ สู่มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์)
รายงานข่าวจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย ระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเลิกระบบ Test & Go มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2565 พบว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศของไทยแอร์เอเชียที่เปิดทำการบินทุกเส้นทาง มีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ในเดือน พ.ค. เฉลี่ยที่ 70% ขณะที่เดือน มิ.ย.และ ก.ค.นี้ ปัจจุบันมียอดจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าอยู่ที่ 50%
“ส่วนเส้นทางระหว่างประเทศของไทยแอร์เอเชียที่มียอดโหลดแฟคเตอร์โดดเด่นที่สุด คือเส้นทางจากกรุงเทพฯ สู่มัลดีฟส์ สิงคโปร์ และบาหลี (อินโดนีเซีย) อยู่ที่ 85-90% โดยเส้นทางสู่มัลดีฟส์และบาหลีถือเป็นเส้นทางที่มียอดนักท่องเที่ยวไทยออกเดินทางมากที่สุดด้วย”
ด้านรายงานข่าวจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ สายการบินราคาประหยัดให้บริการบินเส้นทางระยะไกล ระบุว่า หลังจาก “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” ประกาศพร้อมกลับมาให้บริการ โดยปรับกลยุทธ์ย้ายฐานปฏิบัติการการบินมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเดิม 2 เส้นทางบินแรก บินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่กรุงโซล (อินชอน) ประเทศเกาหลีใต้ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันจันทร์ พุธ และเสาร์ เริ่มบิน 1 มิ.ย.2565 และ สู่โตเกียว (นาริตะ) ประเทศญี่ปุ่น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ เริ่มบิน 5 มิ.ย.2565
โดยเส้นทางบินสู่ “เกาหลีใต้” พบว่าได้รับการตอบรับดี ปัจจุบันมียอดโหลดแฟคเตอร์ของเดือน มิ.ย.นี้อยู่ที่ 85% ขณะที่เดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ ปัจจุบันมียอดจองล่วงหน้าอยู่ที่ 40-50% สำหรับเส้นทางบินสู่ “ญี่ปุ่น” ปัจจุบันมียอดจองล่วงหน้าของเดือน ก.ค.-ก.ย. อยู่ที่ 30-40%
ก่อนหน้านี้ ปฏิมา จีระเเพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ กล่าวว่า ตลอดกว่า 2 ปีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สายการบินจำเป็นต้องระงับการให้บริการทุกเส้นทางบินชั่วคราว จนถึงปัจจุบันที่มีนโยบายการเปิดประเทศ และสถานการณ์ของโควิด-19 อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ผู้คนมีภูมิคุ้มกันจากการได้รับวัคซีน
ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์จึงได้โอกาสกลับมาให้บริการอีกครั้งในเดือน มิ.ย.2565 เริ่มต้น 2 เส้นทางแรก บินตรงสู่โซล ประเทศเกาหลีใต้ และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวรอคอย โดยสามารถเดินทางได้โดยสะดวกตามมาตรการข้อกำหนดเเบบไม่ต้องกักตัว และเป็นโอกาสดีในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเดินทางของประเทศไทยต่อไป!