"พลังงาน" แจงเหตุ "แบงก์รัฐ" ลังเลปล่อยกู้ ดิ้นหาเงินเติมกองทุนน้ำมันฯ
“พลังงาน” ย้ำสู้ทุกวิธี หาเงินเสริมสภาพคล่อง “กองทุนน้ำมัน” แจงเหตุผล “แบงก์รัฐ” ลังเลปล่อยกู้ก้อนแรก 2 หมื่นล้าน จับตาเดือนมิ.ย. ราคาพลังงานทยอยปรับขึ้นต่อเนื่อง
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” วันที่ 31 พ.ค. 2565 ว่า สถานการณ์ราคาพลังงานยังคงมีความผันผวน โดยกระทรวงพลังงานยังใช้กลไกกองทุนน้ำมันพยุงราคาน้ำมันดีเซล และก๊าซหุงต้มแอลพีจี (ภาคครัวเรือน) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันวันที่ 29 พ.ค.2565 ติดลบ 81,395 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 45, 968 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 35,427 ล้านบาท กระแสเงินสดรวม 9,803 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารที่ 3,228 ล้านบาท และบัญชีเงินฝากที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง 6,565 ล้านบาท
สำหรับปัญหาที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) มีปัญหาการกู้เงินทั้งธนาคารของรัฐบาลด้วยกันล่าช้านั้น เนื่องจากเดิมมีเกิดปัญหาในเรื่องวิกฤตพลังงานนั้นกองทุนน้ำมันจะเข้าไปช่วย ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานของกระทรวงพลังงาน ในตอนนั้นเป็นส่วนราชการ ซึ่งรัฐบาลสามารถค้ำประกันเงินกู้ทั้งหมดให้ได้
ทั้งนี้ โดยปี 2562 กองทุนน้ำมันมี พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ถือเป็นนิติบุคคลของตัวเอง แม้จะเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐบาล แต่ด้วยตามพ.ร.บ.หนี้สาธารณะนั้น รัฐบาลจะค้ำประกันให้เฉพาะหน่วยงานในส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ แต่กองทุนได้ย้ายไปอยู่ในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งรัฐจะไม่ค้ำประกันให้ได้ ซึ่งตอนนั้นไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาวิกฤตการณ์หนักขนาดนี้
“กองทุนน้ำมันต้องกู้เงินเหมือนหน่วยงานทั่วไป ที่ต้องมีทรัพย์สินมาค้ำประกัน ซึ่งกองทุนน้ำมันเองด้วยสถานะในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้คืนที่อาจจะมีปัญหา ทำให้สถาบันการเงินของรัฐเองก็ไม่มั่นใจ แต่ยืนยันว่าตอนนี้กำลังดำเนินการและดูเงินไขของสถาบันทางการเงินว่าเราจะทำตามได้หรือไม่ หรือต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง”
นายกุลิศ กล่าวว่า หากได้เงิน 20,000 ล้านบาทจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน เพื่อมาทยอยใช้หนี้ที่ติด และแบ่งมาใช้ดำเนินการช่วยเหลือด้านต่างๆ จึงมาสู่การขึ้นราคาทั้งน้ำมันดีเซลและก๊าซหุงต้มตามมติครม.ให้ช่วยเหลือคนละครึ่ง ซึ่งล่าสุด คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันที่ 30 พ.ค. 2565 ได้ปรับขึ้นราคาดีเซลลิตรละ 33 บาท กองทุนอุดหนุนอยู่ที่ลิตรละ 6.35 บาท ยืนยันว่ากระทรวงพลังงานพยายามหาวิธีต่างๆ และต่อสู้กันอยู่ทุกวิธีทาง
“ตัวเลขที่ติดลบ 8.1 หมื่นล้านบาท นั้นจะต้องคืนหนี้ที่ติดค้างคู้ค้าน้ำมันอีกประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งตอนนี้ได้ทยอยคืนไปบ้างแล้ว ส่งผลให้กระแสเงินสดเหลือลดลงที่ราว 9 พันล้านบาท โดยสถานการณ์ดีเซลขึ้นถึง 159 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากทั้งความต้องการใช้น้ำมันสหรัฐฯ จีนคลายล็อกดาวน์ และปริมาณการผลิตไม่เพียงพอ เป็นต้น”
นายกุลิศ กล่าวว่า สำหรับทิศทางราคาน้ำมันในเดือนมิ.ย. 2565 นั้น จะต้องดูว่ากระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาพลังงานอะไรอีกหรือไม่ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้เบนซินก็ยังอยู่ระหว่างหารือ เพราะเริ่มเดือดร้อน ส่วนก๊าซหุงต้มจะเริ่มปรับราคาวันที่ 1 มิ.ย. 2565 อีกกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาแอลพีจีขนาดถัง 15 กก. จะปรับขึ้น 15 บาท ไปอยู่ที่ 363 บาท/ถัง 15 กก. จากเดือนพ.ค.อยู่ที่ 348 บาท/ถัง 15 กก. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจากเดือนเม.ย.อยู่ที่ 333 บาท/ถัง 15 กก. โดยกองทุนน้ำมันได้อุดหนุนถังละ 100 บาท จากราคาจริง 460 บาท
ส่วนกรณีที่กลุ่มไรเดอร์ได้มายื่นหนังสือให้ดูแลราคาน้ำมันเบนซิน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานดูแลความเดือดร้อนประชน ขณะนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะช่วยผ่อนคลายยังไงได้บ้าง