สินมั่นคง เร่งเสนอแนวทางชำระหนี้-เจรจาเจ้าหนี้ หลังถูกขึ้นเครื่องหมาย C
สินมั่นคงประกันภัย สรุปแนวทาง ขั้นตอนการแก้ไข ประเด็นพิจารณา และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกรณีหลักทรัพย์ของบริษัท ถูกขึ้นเครื่องหมาย C จะเร่งเสนอแนวทางการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ในหลายแนวทางจะได้มีการหารือร่วมกับเจ้าหนี้ในระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า สรุปการขึ้นเครื่องหมายบนหลักทรัพย์ของบริษัท เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 หลักทรัพย์ของบริษัท ถูกขึ้นเครื่องหมาย C กรณีศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัท ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2565
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 หลักทรัพย์ของบริษัท ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP 1 วัน เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินไตรมาสที่ 1/2565
วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 หลักทรัพย์ของบริษัท ถูกเปลี่ยนจาก SP เป็นเครื่องหมาย NP จนกว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะมีคำสั่งให้แก้ไขหรือไม่แก้ไขงบการเงินของบริษัท
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพิ่มเหตุการณ์ขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัทเนื่องจากบริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว ตามงบการเงินไตรมาสที่ 1/2565
ปัจจุบัน หลักทรัพย์ของบริษัท ถูกขึ้นเครื่องหมาย C และ NP ซึ่งนักลงทุนยังสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้ด้วยบัญชี Cash Balance
ผู้ทำแผนที่เสนอในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ
บริษัทได้เสนอให้ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ทำแผน โดยอำนาจหน้าที่และสิทธิของผู้ทำแผนตามกฎหมายฟื้นฟูกิจการซึ่งจะตกแก่ผู้ทำแผนนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ทำแผน มีดังนี้
1.อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของบริษัท
2. บรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นของบริษัทสินมั่นคง (ยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผล)
3. อำนาจในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท
ด้วยความพร้อมทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ บริษัทจึงเชื่อว่าการที่เสนอตนเองเป็นผู้ทำแผนเหมาะสมต่อสถานการณ์มากที่สุด เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม โดยวิเคราะห์จากปัจจัย ข้อมูลและประสบการณ์ที่รอบด้าน เพื่อคงไว้ซึ่งมูลค่าทางธุรกิจ รักษาฐานลูกค้าและคุณภาพการให้บริการอันเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
แนวทางการแก้ไขปัญหาและการกลับมาดำเนินธุรกิจในอนาคต
เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่มีจำนวนสูงเกินความสามารถของบริษัท ที่จะชำระได้ทั้งหมด กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้บริษัท ได้เจรจาหาแนวทางการชำระหนี้ที่เหมาะสมให้กับเจ้าหนี้สินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19
ในขณะที่บริษัท ยังสามารถดำเนินธุรกิจและให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยกรณีกรมธรรม์ปกติอื่นๆ ต่อไปได้ กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงเป็นแนวทางออกที่จะทำให้บริษัท แก้ปัญหาสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ที่สูงเกินความสามารถที่จะชำระหนี้ และบริษัทจะสามารถกลับมาประกอบกิจการได้ตามปกติต่อไปในอนาคต เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย
โดยเบื้องต้น ทางบริษัทจะเร่งแผนเสนอแนวทางการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งจากการศึกษาในเบื้องต้น เป็นไปได้หลาย แนวทางดังนี้ โดยแนวทางในการชำระหนี้จะได้มีการหารือร่วมกับเจ้าหนี้ในระหว่างการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
1. การหาแหล่งเงินทุนใหม่ และปรับโครงสร้างทุน โดยการเพิ่มทุนจากผู้ร่วมทุนใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการชำระหนี้ และ/หรือ เพื่อปรับโครงสร้างทุนให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
2. การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน
3. ศึกษาและจัดเตรียมแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยให้เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงประเด็นอื่นๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการ
1. ความร่วมมือจากเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับแนวทางการชำระหนี้ร่วมกัน
2. ความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุน และมูลค่าของกิจการของบริษัท
3. กฎหมาย และระเบียบต่างๆ ตลอดจนคำสั่งหรือความเห็นของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
4. การสนับสนุนและความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
5. ความเชื่อมั่นของผู้เอาประกันภัย ตัวแทน นายหน้า คู่ค้าต่างๆ ต่อภาพลักษณ์ของบริษัท 6. แนวโน้มอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในอนาคต 7. สภาพเศรษฐกิจโดยรวม
บริษัทมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาล เพื่อให้บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างต่อเนื่อง และปรับโครงสร้างการชำระหนี้อย่างเหมาะสม และเป็นธรรมซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและแก้ไขฐานะการเงิน
บริษัทขอยืนยันว่าบริษัท มีเจตนาที่ดีในการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินไหมกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 โดยการฟื้นฟูกิจการจะเปิดโอกาสให้บริษัท และผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้เจรจาร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้ที่เหมาะสม และเป็นแนวทางที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จะได้รับการชำระหนี้ ตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่ากรณีที่บริษัท ต้องปิดกิจการอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา(COVID-19) จะได้รับชำระหนี้ค่าสินไหมทดแทนตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้มีการยอมรับร่วมกัน ผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVD-19) ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จะมีโอกาสได้พิจารณา และลงมติเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
สำหรับผู้เอาประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ และภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันขนส่งทางทะเล เป็นต้น บริษัทขอให้ความมั่นใจว่าบริษัท จะยังคงให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตามปกติ และรักษาคุณภาพ ความสะดวกรวดเร็ว ในการให้บริการ
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์