VIBHA คาดรายได้ไตรมาส2/65โต-โชว์พอร์ตลงทุนกำไรพุ่ง98%
VIBHA คาดรายได้ไตรมาส2/65โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-คนไข้โควิด-19 และเงินปันผลจากการลงทุนซื้อหุ้น พร้อมโชว์พอร์ตหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ทำกำไรเพิ่มขึ้นจากมูลค่าตลาดรวม พุ่ง 98%
นาย พิจิตต์ วิริยะเมตตากุลกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA เผยว่าในไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 786.37 ล้านบาท จากการให้บริการฉีดวัคซีนโควิดเข้ามาช่วยเสริมในช่วงไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3 และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นจากคาดจะไม่ถูกสำนักงานประกันสังคมเรียกเงินคืน หรือหากมีการเรียกเงินคืนเชื่อว่าจะลดลง หลังจากที่ช่วงเดียวกันปีก่อนถูกเรียกเก็บเงินคืนโดยมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
รวมถึงมีรายได้จากการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และตั้งเป้ารายได้คนไข้ทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้น 10% คาดได้รับเงินปันผลที่ได้จากการลงทุนของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นตามจำนวนเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทได้เพิ่มการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจำนวน 413.90 ล้านบาท
โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการลงทุนในหุ้นโรงพยาบาลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว(ตลท.) จำนวน 8 หุ้น ซึ่งใช้เงินลงทุนรวม 5,007 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 7 มิ.ย. พอร์ตการลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9,944,134 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 98% จากมูลค่าการลงทุน
นาย พิจิตต์ กล่าวว่า ภาพรวมรายได้ในปี 2565 คาดจะใกล้เคียงจากที่ปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 7,873.84 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสที่ 3 จะมีรายได้จากการฉีดวัคซีนลดลง จากที่การฉีดวัคซีนจะสิ้นสุดในเดือนก.ค. และบริษัทร่วมทำกำไรลดลงตามจำนวนผู้ป่วยโควิด เนื่องจากรัฐบาลได้มีการยกเลิกประกันสังคมในค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิดสีเขียว ที่ทำให้คนไข้ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง
ขณะที่แผนดำเนินการขยายธุรกิจโรงพยาบาลวิภาราม 3 แห่ง ภายใน 5 ปี มีงบลงทุน 3700 ล้านบาท โดยในปี 65 มีแผนสร้างโรงพยาบาลวิภารามพัฒนาการ รองรับผู้ป่วย 59 เตียง มีงบลงทุน 900 ล้านบาท ในปี 66 มีแผนสร้างอาคารจอดรถโรงพยาบาลวิภาราม อมตะ 2 มีงบลงทุน 400 ล้านบาท ในปี 67 มีแผนสร้างโรงพยาบาลวิภารามบ่อวิน รองรับผู้ป่วย 150 เตียง มีงบลงทุน 1,000 ล้านบาท และในปี 68 มีแผนสร้างโรงพยาบาลวิภารามอ่อนนุช รองรับผู้ป่วย 250 เตียง และมีงบลงทุน 1,800 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มเป็น 10-20% จากเดิมอยู่ที่ 5% ด้วยการบริการคลินิกในประเทศเมียนมา และเพิ่มจำนวนคนไข้จากประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับทางโรงพยาบาลจีนเพื่อนำคนไข้เข้ามารักษาในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับดีในการรักษาการปลูกผม บริการการทำเด็กหลอดแก้ว และการรักษาการชะลอวัยแบบ Anti aging
ด้านปัญหาเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่มีผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากยังไม่พบราคายาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น มีเพียงอุปกรณ์การแพทย์บางชนิดที่ขยับเพิ่มขึ้น แต่บริษัทสามารถขอปรับขึ้นราคาสินค้าได้แต่อาจต้องแจ้งกับกรมการค้าภายในก่อน ซึ่งโดยปกติบริษัทจะมีการเพิ่มราคาปีละ 1-2 ครั้งอยู่แล้ว
"บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มฐานรายได้อื่น ๆ มากขึ้น เช่น จากการเปิดคลีนิกกัญชา การเปิดคลินิกโควิด แพทย์แผนไทย เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงหลังจากที่ผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง"