STPหมดเวลาเหยียบเบรก ! รับออเดอร์ล้นมือ
ได้เวลาปลดล็อคข้อจำกัดทางโตธุรกิจ!! “สุรนัย โรจน์วงศ์จรัต” ผู้ก่อตั้ง “สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์” โชว์พันธกิจผลักดันรายได้ขยายตัว ด้วยการเร่งขยายโรงงาน-เครื่องจักร “จุดขาย” หุ้นน้องใหม่ไอพีโอระดมทุนตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ 14 มิ.ย.นี้
“อาหาร” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้ !! กำลังส่งผลดีต่อไอพีโอน้องใหม่ จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 25,400,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 18 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 11.3 เท่า คาดเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 14 มิ.ย. 2565
“สุรนัย โรจน์วงศ์จรัต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP ผู้ประกอบธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด มีบริการตั้งแต่พัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพสูง เล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟังว่า
ธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตระดับสูง... สะท้อนผ่านฐานลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มผู้ผลิต “อาหารคน” และ “อาหารสัตว์” คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้
การตัดสินใจนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ !! เขายอมรับว่า เพราะต้องการ “ปลดล็อก” การเติบโตของธุรกิจ หลังจากความต้องการสินค้า (ดีมานด์) มีลูกค้ามีจำนวนมาก สะท้อนผ่านการที่บริษัทปฎิเสธไม่รับออเดอร์สินค้าจากลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาได้ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่
ทั้งนี้ เพื่อขยายการเติบโตรองรับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งเป็นฐานลูกค้ารายหลักของ STP มีแนวโน้มเติบโตและขยายธุรกิจเพิ่มขึ้น จึงส่งผลดีต่อบริษัทให้มีคำสั่งซื้อที่ดีต่อเนื่องในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ การวางแผนขยายฐานลูกค้ารายใหม่ รองรับโลกยุคหลังโควิด บรรจุภัณฑ์จึงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญเพื่อใช้ในการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและแบรนด์ อีกทั้ง ภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์มีแนวโน้มเติบโต รับตลาดอีคอมเมิร์ซ และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อสินค้าอุปโภคและบริโภค
หากพิจารณาการเติบโตขององค์กรแห่งนี้จะพบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) มีกำไรสุทธิ 59.00 ล้านบาท 95.40 ล้านบาท และ 123.80 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 383.06 ล้านบาท 455.06 ล้านบาท และ 579.55 ล้านบาท ตามลำดับ และล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 32.70 ล้านบาท และมีรายได้ 145.30 ล้านบาท
สะท้อนผ่านเงินระดมทุนจำนวน 435.50 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนใน “โครงการขยายโรงงาน” และ “ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม” ตามโครงการในอนาคตที่วางไว้ จำนวน 360 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ จำนวน 75.5 ล้านบาท
สำหรับโครงการในอนาคต ประกอบด้วย การสร้างอาคารโรงงาน ขนาดพื้นที่ 5,300 ตารางเมตร เพื่อใช้วางไลน์ผลิตและเป็นคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้ง การซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตเพิ่มเติม จากปัจจุบันกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี ใช้กำลังผลิต ณ สิ้นงวดไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 99% ซึ่งคาดว่า เครื่องจักรใหม่ที่ทยอยติดตั้งเข้ามา จะเริ่มสร้างรายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า 3-5 ปีข้างหน้า (2565-2569) แบบอนุรักษ์นิยม (Conservative) โดยมีเป้ายอดขายเติบโตสู่ระดับ 750 ล้านบาทต่อปี หรือมีอัตราการเติบโตยอดขายโดยเฉลี่ย 5-15% ต่อปี จากปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ราว 580 ล้านบาท กำไรสุทธิเกือบ 124 ล้านบาท ส่วนราคาน้ำมันแพงไม่กระทบโดยตรงกับบริษัท แต่จะทำให้วัตถุดิบอื่นเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น มีการสต็อกกระดาษที่เป็นต้นทุนเก่า
สำหรับ “จุดเด่น” ของ STP คือผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นจากลูกค้า ด้วยการก่อตั้งบริษัทมายาวนานกว่า 50 ปี มีฐานลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต และการเพิ่มโอกาสไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา STP ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก และสนับสนุนอัตราการใช้กำลังการผลิต ณ ไตรมาส 1/2565 ขึ้นไปแตะระดับ 99%
ท้ายสุด “สุรนัย” บอกไว้ว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ขณะที่เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และรองรับโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ซึ่ง STP มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการประหยัดเนื่องจากขนาด (Economies of Scale)