คลังหนุนเอกชนลงทุน CLMV ตลาดมีศักยภาพสูง

คลังหนุนเอกชนลงทุน CLMV ตลาดมีศักยภาพสูง

เวียดนามประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย ในยุค COVID-19 เวียดนามได้สร้างปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจ เป็นประเทศที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ของโลกเผชิญภาวะหดตัว เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

เวียดนามหนึ่งในประเทศที่ถือเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนของธุรกิจแห่งอนาคต เป็นดาวรุ่งแห่งเอเชียอาคเนย์เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด และเวียดนามกำลังก้าวขึ้นมาเป็นแหล่งผลิตสินค้าของโลกแทนที่จีน หลังจากชาติตะวันตกพากันย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามอย่างต่อเนื่อง จากความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และสิทธิประโยชน์ทางการค้าระหว่างประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ 

ตั้งแต่ปี 2553-2562 เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวเฉลี่ย 6.5% แม้ว่าในปี 2563-2564 อัตราการเติบโตจะชะลอลงมากจากการระบาดของโควิด-19 แต่แนวโน้มการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังคาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโตได้สูงกว่า 6.6% ขณะที่ธนาคารกลางโลก หรือ เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าจีดีพีของเวียดนามในปีนี้จะขยายตัวที่ 5.5%

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ระบุ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เนื่องจากไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ทำให้การได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าลดลงเป็นลำดับ จึงเกิดการย้ายฐานการผลิตจากไทยไปประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเวียดนามเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านการค้าและการลงทุน มีประชากรราว 100 ล้านคน ประชากรวัยแรงงานมีจำนวน 55 ล้านคน ค่าแรงงานขั้นต่ำ 170-200 บาทต่อวัน ทำให้นักลงทุนไทย รวมทั้งต่างชาติย้ายฐานการผลิตเข้ามายังเวียดนาม

ขณะที่รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงตามการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการเติบโตของสังคมเมือง จึงเป็นโอกาสดีที่นักธุรกิจไทยจะเข้าไปลงทุนด้านพลังงานทดแทน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ในภูมิภาคอาเซียนและประชาคมโลก

กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ระบุ EXIM BANK ได้เปิดสำนักงานผู้แทนในนครโฮจิมินห์อย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและให้บริการประกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ และสนับสนุนทุนไทยไปต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินให้แก่ธุรกิจ BCG มากกว่า 250 โครงการ กำลังการผลิต 6,455 MW ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตัน สนับสนุนทางการเงินกว่า 60,000 ล้านบาท สร้างมูลค่าการลงทุนเกือบ 380,000 ล้านบาท 

มีโครงการลงทุนในเวียดนามภายใต้การสนับสนุนของ EXIM BANK ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ปิโตรเคมี ห้างค้าส่งและค้าปลีก โดยในช่วงไตรมาสแรกปี 2565 EXIM BANK ได้ขยายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการในเวียดนามมากที่สุดในตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยมียอดสินเชื่อคงค้างจำนวน 13,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสินเชื่อคงค้างใน CLMV และ กลุ่มประเทศตลาดใหม่ หรือ New Frontiers ทั้งหมด 51,554 ล้านบาท

นอกจากนี้ ได้ลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินกับธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาแห่งประเทศเวียดนาม จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนการส่งออกสินค้าจากไทยไปเวียดนาม รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างโอกาสขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของทั้งสองประเทศ

เวียดนามเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน การส่งออกของไทยไปเวียดนามเน้นการตอบสนองความต้องการวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางให้แก่ภาคอุตสาหกรรมของเวียดนาม สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปเวียดนาม ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และน้ำมันสำเร็จรูป 

ขณะที่การลงทุนของไทยในเวียดนามกระจายอยู่ในหลากหลายธุรกิจ อาทิ พลังงาน นิคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เกษตรและประมง ธนาคาร ก่อสร้าง ค้าส่ง ค้าปลีก โรงแรม ร้านอาหาร คลินิกเสริมความงาม ขนส่ง โลจิสติกส์ และธุรกิจโฆษณา โดยไทยเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับ 8 ในเวียดนาม

ทีมข่าวเนชั่นทีวี รายงาน