"หุ้นไทย" ร่วงเกือบ 23 จุด รับ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ
“หุ้นไทย” ปิดตลาด (13 มิ.ย. 65) เวลา 12.30 น. ดัชนีปิดอยู่ที่ 1,609.65 จุด ปรับตัวลดลง 22.97 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.41 % มูลค่าการซื้อขาย 39,409.03 ล้านบาท
โดยระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ 1,616.31 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ 1,607.58 จุด
5 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด คือ
- TOP ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง 7.49%
- PTT ปิดที่ 36.75 บาท ลดลง 2.00%
- SCB ปิดที่ 108.00 บาท ลดลง 3.14%
- PTTEP ปิดที่ 171.00 บาท ลดลง 1.16%
- KBANK ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 1.00 %
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงแรงกว่า 20 จุดตามทิศทางตลาดโลกและตลาดภูมิภาค จากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเปลี่ยนมุมมองจากที่คาดว่าเงินเฟ้อขึ้นมากพอสมควรแล้ว มาเป็นคาดว่าเงินเฟ้อสูงอาจลากยาว โดยการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรอบนี้ (14-15 มิ.ย.) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยมากว่า 0.50% นอกจากนั้นยังมองว่าจะกระทบกับความเชื่อมั่นและกังวลเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวหรือเกิดภาวะ Stagflation ขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยน่าสนใจ อาทิ ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ (น้ำมัน, สินค้าเกษตร) กอง REIT รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ย เช่น หุ้นกลุ่มประกัน ขณะที่กลุ่มที่อิงกับเศรษฐกิจมองว่าช่วงระยะสั้นกระทบ และกลุ่มที่ใช้พลังงาน เช่น กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่ม Transport ก็รับผลกระทบ (ยกเว้น AOT ที่ไม่มีต้นทุนพลังงาน) รอบนี้หุ้นกลุ่มโลจิสติกส์ซึมลง มีสัญญาณปรับประมาณการในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ส่วนหุ้นที่ไม่มีความเสี่ยงปรับประมาณการเศรษฐกิจ อาทิ AOT, DMT , WHART
แนะนำ หุ้นไทยกลุ่มที่น่าลงทุนในภาวะตลาดปรับตัวลง ได้แก่ กอง REIT และกลุ่มเปิดเมืองที่แม้วันนี้ก็มีแรงขายทำกำไร แต่ยังมีหุ้นที่ราคายัง Laggard อาทิ SPA , VRANDA
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย นายกิจพณ กล่าวว่า มีโอกาสซึมลงมาบริเวณ 1,600 จุดต้นๆ หลังจากดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,630 จุด โมเมมตัมระยะสั้นเป็นลบ แต่คงไม่เห็นตลาดลดลงแรงไปมากกว่านี้ จึงมองโอกาสเข้าซื้อเพื่อถือยาวให้แนวรับที่ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,615 จุด