AMA ฟื้นตัวผ่านพ้นจุดวิกฤต (15 มิ.ย. 2565)
กำไรสุทธิของ AMA ใน 1Q65 อยู่ที่ 0 ล้านบาท (ลดลง YoY จาก 8 ล้านบาทใน 1Q64 และ QoQ จาก 51 ล้านบาทใน 4Q64) ต่ำกว่าประมาณการของเราที่คาดไว้ 27 ล้านบาท
เนื่องมาจากอัตรากำไรขั้นต้นของเรือต่ำกว่าที่เราคาด ซึ่งออกมาที่ -4.1% (vs. เราคาดไว้ที่ 7%) ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง LSFO สำหรับเรือเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทไม่สามารถปรับค่าระวางเรือสะท้อนได้ทัน โดยกำไรสุทธิที่ลดลงอย่างมาก YoY และ QoQ สาเหตุหลักมาจากกำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือลดลง รายได้เรือลดลง 13% QoQ เหลือ 282 ล้านบาทใน 1Q65 เนื่องมาจากบริษัทมีเรือขึ้นอู่เพื่อซ่อมบำรุง 2 ลำในไตรมาสนี้ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของเรือยังลดลง QoQ เป็น -4.1% จาก 15.7% ใน 4Q64 นอกจากนี้ รายได้รถลดลง 2% QoQ เหลือ 318 ล้านบาท เนื่องมาจากมีการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่รุนแรงขึ้นในไตรมาสนี้ และอัตรากำไรขั้นต้นของรถลดลงเล็กน้อย QoQ จาก 19.9%
เป็น 18.8% เนื่องมาจากอัตราการใช้งานกองรถเฉลี่ย (Truck utilization) ลดลงจากการขาดแคลนพนักงานเพราะพนักงานติดเชื้อไวรัส COVID-19
คาดกำไรสุทธิ 2Q65F จะลดลง 26% YoY แต่ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด QoQ
เราคาดกำไรสุทธิของ AMA ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 34 ล้านบาท (-26% YoY, ดีขึ้น QoQ จาก 0 ล้านบาทใน 1Q65) โดยกำไรสุทธิที่ลดลง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ สาเหตุหลักมาจากเราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของเรือจะอยู่ที่ 8.0% ใน 2Q65F ซึ่งลดลง YoY จาก 14.3% ใน 2Q64 เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง LSFO ปรับขึ้นแรง ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น หลังจากที่รัสเซียเริ่มทำสงครามกับยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่เพิ่มขึ้น QoQ จาก -4.1% ใน 1Q65 เพราะบริษัทสามารถปรับค่าระวางเรือได้สะท้อนต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง LSFO ดีขึ้น นอกจากนี้ เราคาดว่ารายได้เรือจะโตขึ้น 10% QoQ เป็น 310 ล้านบาท เนื่องมาจากไม่มีเรือขึ้นอู่เพื่อซ่อมบำรุงเหมือนใน 1Q65 ในขณะที่เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถจะคงที่ QoQ ใน 2Q65F เนื่องจากคาดว่ารายได้รถที่จะเพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น 335 ล้านบาท หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการข้อจำกัด COVID-19 ให้เบาบางลง จะถูกหักล้างไปหมดกับอัตรากำไรขั้นต้นของรถที่คาดว่าจะลดลง QoQ จาก 18.8% เหลือ 18.0% หลังจากบริษัทชนะการประมูลในการทำสัญญาวิ่งรถใหม่กับลูกค้ารายใหญ่เดิม แต่ได้อัตรากำไรที่ลดลงเพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น
Valuation & Action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 1H66 ที่ 5.50 บาท จากเดิม 5.10 บาท โดยอิงจาก PE ที่ 15.0 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการคาดการณ์การฟื้นตัวของกำไรใน 2Q65 และแนวโน้มของธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือและทางรถที่ดีขึ้น หลังจากอินโดนีเซียยกเลิกการห้ามการส่งออกของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และการผ่อนคลายมาตรการข้อจำกัด COVID-19 ต่างๆ ของไทยลง ตามลำดับ นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณกำไรสุทธิลง 21% เหลือ 141 ล้านบาท เนื่องมาจากเราปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นของเรือลงเป็น 9.0% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดไว้ 13.0%
Risks
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงผันผวน และภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล