หุ้นเล็กแผลงฤทธิ์ |ออฟเรคคอร์ด
หุ้นร่วงขายหุ้นใหญ่กันสลับรายวัน แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับรายย่อย เพระาหุ้นเล็ก - ซิ่งแรง มีมาให้ช้อปได้ทุกช่วง !!!
๐๐๐ หุ้นเล็กแผลงฤทธิ์
พอมีสัญญาณตลาดหุ้นสหรัฐเข้าสู่ภาวะ “ตลาดหมี” ทำให้ตลาดหุ้นอื่นดูไม่ดีไปกว่ากันเพราะอิทธิผล เงินเฟ้อ “อยู่ยาว ” แถม “พุ่งสูง” ดูอย่างไรใดๆๆ ก็ไม่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นอยู่แล้ว
หุ้นไทยอาการเหมือนใจดีสู้เงินเฟ้อมีรีบาวด์สลับขาให้เห็น แต่ทิศทางบ่งบอกแล้วว่า เทกระจาด ขายสินทรัพย์เสี่ยงเอาตัวรอดของต่างชาติในช่วงสัปดาห์นี้ก็ชัดเจน ขาลงยังไม่จบ!!
เมื่อหุ้นร่วงหุ้นบิ๊กแคปลงถึงเวลาของ หุ้นเล็กไซส์มินิ ที่ “จิ๊ด” และ “ปริ๊ด” ได้ใจ ออกมาวาดลวดลายกันให้คึกคัก
งานนี้ไปมะรุมมะตุ้มหุ้นขึ้นต้นด้วย CP สเปคนิยม คือ “ฟรีโฟลตน้อย” “เข้าตลาดหุ้นมานาน” "ช่วงโควิดไร้วอลลุ่ม" ไล่มาตั้งแต่ CPH ที่เดือนกว่าราคาหลักบาทไปหลักสิบบาท ทำแฮกทริคซิลลิ่งเฉพาะเดือนมิ.ย.ซึ่งสตอรี่ยังไม่ปรากฎ
หลังจากนั้นคิว CPR เดือนมิ.ย. ทำไป 4 ซิลลิ่ง ถัดมา CPL ทำไป 2 ซิลลิ่ง และที่ติดปลายพอร์ต CPI ที่มีแรงเก็งกำไรให้เห็น
จนนาทีนี้ยังไร้วี่แววเสียงปราบจาก “ฝ่ายกำกับ ” เลยไม่แปลกใจราคาหุ้นแข่งกันขึ้นมาพา “รายย่อย” โดดเข้าไปเสี่ยงเพื่อมีลุ้นช่วงนี้ไปพรางๆ
๐๐๐
นักลงทุนทั่วโลกใจจดใจจ่อรอติดตามผลประชุมเฟด ซึ่งมติจะออกมาในช่วงเช้ามืดวันนี้ (16 มิ.ย.) รอลุ้นว่าจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หรือ 0.50% และจะส่งสัญญาณในการดำเนินนโยบายการเงินต่อไปอย่างไรบ้าง หลังเงินเฟ้อพุ่งแรง
ทำให้เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) นักลงทุนพร้อมใจขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน นำโดยหุ้นบิ๊กแคปกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในช่วงสั้นๆ กดดันให้ระหว่างวันดันชีฯ ดิ่งแรงกว่า 10 จุด หลุดแนวรับ 1,600 จุดอีกครั้ง
โดยดัชนีฯ ปิดการซื้อขายที่ 1,593.54 จุด ลดลง 9.49 จุด หรือ 0.59% ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,606.31 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,589.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,928.67 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขาย 2,538.12 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อ 630.72 ล้านบาท พอร์ตโบรกฯ ซื้อ 62.27 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อ 1,845.14 ล้านบาท
๐๐๐
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI ฟื้นตัว หลังลงมา 6 วันติด หนุน “หุ้นเดินเรือ” แล่นฉิวสวนแรงเทขาย นำทีมโดยบมจ.พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ปิด 18.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 5.11% ส่วนบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ปิด 9.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 2.69%, บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) ปิด 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 3.57% นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า
๐๐๐
ส่วนหุ้นบมจ.โรแยล พลัส (PLUS) ผู้ส่งออกน้ำผลไม้รายใหญ่ ราคาเด้งทันที หลัง “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตไปอีก 1.46 ล้านหุ้น หรือ 0.2186% ส่งผลให้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 5.18% ขึ้นแท่น 1 ใน 5 ผู้ถือหุ้นใหญ่ทันที ดันราคาหุ้นวิ่งกระฉูด 8.47% มาปิด 6.40 บาท และหากเทียบกับราคาไอพีโอ 4.50 บาท เท่ากับว่าตอนนี้ราคาหุ้น PLUS ขึ้นมาแล้วกว่า 42%
๐๐๐
“กลุ่มส่งออกอาหาร” หลายตัวยังทำผลงานได้ดี รับปัจจัยบวกหลายเด้ง ทั้งเงินบาทอ่อนค่า ราคาเนื้อหมูเนื้อไก่ที่เพิ่งสูงขึ้น รวมทั้งยอดส่งออกที่สดใสหลังหลายประเทศประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร
หนึ่งในดาวเด่นรอบนี้เห็นจะเป็นหุ้นบมจ.จีเอฟพีที (GFPT) ที่ตีปีกพุ่งทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่อง วานนี้ (15 มิ.ย.) ระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ 18.70 บาท ก่อนค่อยๆ ลดช่วงบวกลงมา และปิดไม่เปลี่ยนแปลง 17.90 บาท ขอพักความร้อนแรงรอสะสมพลังใหม่ ประกอบกับมีข่าวว่ามาเลเซียประกาศกลับมาส่งออกไก่แล้ว อาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบเล็กๆ ต่อบริษัท แม้ในความเป็นจริงประเด็นดังกล่าวไม่ได้มีผบกระทบหรือผลบวกโดยตรงต่อ GFPT
๐๐๐
ปิดท้ายกับหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ บมจ.ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA) ทำผลงานได้น่าประทับใจ เปิดบวกสวนกระดาน 6.60 บาท เพิ่มขึ้น 43.48% จากราคาจองที่ 4.60 บาท ระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุด 6.65 บาท ต่ำสุด 4.84 บาท ก่อนปิดการซื้อขายวันแรก 4.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 7.39% ซึ่งตามแผนหลังได้เงินระดมทุนเข้ามาจะเร่งเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 15-20 โครงการในปีนี้