WHAUP เดินหน้าสู่ผู้ให้บริการ Smart Utilities and Green Power Solution ครบวงจร
"ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์" ลุยเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ผู้ให้บริการ Smart Utilities and Green Power Solution แบบครบวงจร พร้อมหนุนรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 6 พันล้านในปี 2569 และรักษา EBITDA Margin ให้อยู่ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50%
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้า-ขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็นผู้ให้บริการ Smart Utilities and Green Power Solution สอดรับแผนกลยุทธ์การแสวงหาโอกาสการต่อยอดการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน
โดยจะเน้นการพัฒนาโซลูชัน สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค รวมถึงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนใหม่ๆ โดยนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ที่จะเป็น technology company รวมถึงจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และอัตราการเติบโตในระยะยาวตามเป้าหมายที่ WHAUP วางไว้
โดยตั้งเป้าว่าในปี 2569 บริษัทจะมีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติแตะระดับ 6,000 ล้านบาท ภายใต้การยังคงรักษาระดับอัตราผลกำไร EBITDA ในระดับสูงกว่าร้อยละ 50 จากการเติบโตของธุรกิจหลักทั้งน้ำ และไฟฟ้า จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาทิ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) โดยจะมีการหาสินค้า และบริการ ใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการในรูปแบบ One-Stop-Service
ขณะเดียวกัน บริษัทวางเป้าหมายการให้บริการในธุรกิจ Green Power เพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมา WHAUP มีการลงทุนธุรกิจให้บริการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี อาทิ การติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับบริษัท พรินซ์ เฉิงซาน ไทร์ (ประเทศไทย) จำกัด กำลังผลิตไฟฟ้า 19.44 เมกะวัตต์ ซึ่งนับว่าเป็นการติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ส่งผลทำให้บริษัท มีความมั่นใจในการเป็นผู้ให้บริการในโครงการที่ใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุน (M&A) ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และโครงการประเภท Green Field โดยการนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศไปต่อยอดการลงทุนต่อไป
ด้าน นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ WHAUP กล่าวถึงการพัฒนา และดำเนินโครงการต่างๆ ผ่านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจรทั้งธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงาน ธุรกิจสาธารณูปโภค
ในปีนี้ตั้งเป้ายอดการจำหน่าย และบริหารจัดการน้ำรวม 153 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเติบโต 13% จากปีก่อน ด้วยแนวโน้มการเติบโตของลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ ผนวกกับการขยายฐานลูกค้าภายนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป โดยนอกจากจะจำหน่ายน้ำ Conventional ไม่ว่าจะเป็นน้ำดิบ หรือน้ำอุตสาหกรรมทั่วไปแล้ว WHAUP ยังเน้นไปที่การจำหน่ายน้ำประเภท Value-Added Product ไม่ว่าจะเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ที่ได้จากกระบวนการนำน้ำเสียมาบำบัด ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็น Product ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเช่นเดียวกัน โดยในไตรมาส 3 ปี 2565 นี้ จะมีการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าโรงไฟฟ้า SPP ของกลุ่ม GULF ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
ส่วนการเติบโตนอกนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอนั้น ในปีที่ผ่านมา ได้มีการเซ็นสัญญาร่วมมือกับนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับผลิตและจำหน่ายน้ำประเภท Value - Added Product ให้กับลูกค้าที่เป็นโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย โดยเฟสแรกที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ ทั้งนี้ นอกจากการลงทุนเพิ่มยอดจำหน่ายน้ำแล้ว WHAUP ยังมีการลงทุนในการจัดหาแหล่งน้ำดิบทางเลือกอื่นๆ อาทิ การขุดอ่างเก็บน้ำเพิ่ม เพื่อลดการพึ่งพาการจัดซื้อน้ำดิบจากผู้จำหน่ายหลัก รวมถึงเป็นการลดต้นทุนในการจัดหาน้ำดิบด้วย โดยตั้งเป้าเพิ่ม capacity ของแหล่งน้ำดิบทางเลือกอีกอย่างน้อย 11 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
ส่วนโครงการที่ประเทศเวียดนามนั้น ยังมีการขยายการลงทุนต่อเนื่องทั้งในส่วนของการลงทุนด้านสาธารณูปโภคในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน เหงะอาน เฟสที่ 2 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสที่1 ปี 2565 หลังจากเฟสที่ 1 พัฒนาแล้วเสร็จ และพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าภายในเขตอุตสาหกรรมเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับโครงการประปา SDWTP และ Cua Lo ที่จะมีการลงทุนในส่วนของท่อเพิ่มเพื่อขยายการบริการแก่ลูกค้าเช่นกัน
ธุรกิจด้านพลังงาน สำหรับเป้าหมายในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตรวมของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสะสมแตะ 150 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนสัญญารวมดังกล่าว คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในปีนี้ทั้งสิ้น 115 เมกะวัตต์ และส่วนที่เหลือจะทยอย COD ในปีถัดไป
ในด้านของนวัตกรรมและเทคโนโลยีนั้น บริษัทเดินหน้าเพื่อเตรียมการสู่อนาคตสำหรับธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานอัจฉริยะ เพื่อซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ หรือ ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Peer-to-Peer Energy Trading ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร จาก บมจ.ปตท. "PTT" และ บริษัท เซอร์ทิส จำกัด "Sertis" เพื่อร่วมพัฒนาระบบ Trading Platform ภายใต้ชื่อว่า "RENEX" โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยในการทำธุรกรรม และอำนวยความสะดวกการซื้อขายพลังงาน ระหว่างผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดยได้รับความร่วมมือจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ERC Sandbox หรือ โครงการทดลองด้านนวัตกรรมพลังงานของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายในการทดลองให้บริการซื้อขายเชิงพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นภายในไตรมาส 3/2565 ซึ่งระบบการซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าว เมื่อพัฒนาเสร็จแล้วเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้พอร์ตพลังงานหมุนเวียนของ "WHAUP" เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมเป็น Clean Energy Trader ในโครงการทดลองนำร่องดังกล่าวจำนวนมากกว่า 23 ราย
บริษัทยังมีการนำ Battery Energy Storage System (BESS) หรือระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเสนอเป็นบริการให้แก่ลูกค้า รวมถึงการศึกษาระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Microgrid เพื่อยกระดับระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ในการต่อยอดธุรกิจ Renewable Energy และสร้าง Business Model ใหม่ให้กับบริษัท และยังเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ WHAUP นำพลังงานสะอาดมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังสร้างความมั่นคงให้กับระบบผลิตไฟฟ้าในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ นายประพนธ์ ชินอุดมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน WHAUP กล่าวตอกย้ำถึงศักยภาพความแข็งทางการเงินว่า บริษัทตั้งงบลงทุน 5 ปี (2565 - 2569) ที่ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นงบลงทุนสำหรับปี 2565 ประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในธุรกิจน้ำ และไฟฟ้า ประมาณอย่างละครึ่ง โดยแหล่งเงินทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากทั้งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้
โดยล่าสุด ในวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้วงเงินรวม 2,800 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี แม้ว่าสถานการณ์ดอกเบี้ยในตลาดช่วงนี้จะค่อนข้างผันผวน โดยในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) จำนวน 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นการออก Green Bond ครั้งแรกของบริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ที่จะดำเนินธุรกิจควบคู่ด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยหุ้นกู้ของบริษัท ได้รับการประเมิน Rating จาก TRIS ที่ระดับ A- "stable"
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัท มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.9 เท่า ต่ำกว่าเพดานที่เจ้าหนี้กำหนดไว้ที่ 2.5 เท่าค่อนข้างมาก ซึ่งนอกจากเป็นการสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินแล้วยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทที่สามารถกู้เงินเพิ่ม เพื่อรองรับการมองหาโอกาสในการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาโครงการใหม่ๆ (Green field) การเข้าซื้อกิจการ (M&A) การร่วมทุน (Joint Venture) การขยายการลงทุนใน และนอกนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภค และพลังงาน เพื่อต่อยอด และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันทั้งด้านพลังงานทดแทน และสาธารณูปโภคเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์