Commerce Sector จะได้อานิสงส์จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น
เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 2Q65 ของร้านขายสินค้าสำหรับการปรับปรุงบ้านที่เราศึกษาอยู่ (Dohome PCL (DOHOME.BK/DOHOME TB)*, Siam Global House PCL (GLOBAL.BK/GLOBAL TB)*,Home Product Center PCL (HMPRO.BK/HMPRO TB)*) จะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท (-0.1% YoY, -4%QoQ)
ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในงวด 1H65 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท (+ 4% YoY) โดยเราคาดว่ากำไรของ DOHOME และ GLOBAL จะลดลงทั้ง YoY (เพราะได้อานิสงส์จากราคาเหล็กน้อยลง) และ QoQ (จากผลของปัจจัยฤดูกาล) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรของ HMPRO จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
กำลังซื้อที่กลับคืนมาจะส่งผลดีในระดับที่แตกต่างกัน
จากการประเมินของนักวิเคราะห์กลุ่มอาหารของ KGI เราคาดว่ารายได้ภาคเกษตรของไทยจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% YoY ใน 2H65 โดยจะเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นทั้งในด้านของปริมาณผลผลิตและราคา ซึ่งจะช่วยหนุนกำลังซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค รวมถึงกำลังซื้อในภาคการผลิต และบริการด้วย ทั้งนี้ เนื่องจาก 65%ของสาขาร้าน GLOBAL ตั้งอยู่ในภาคเหนือ และอีสาน ซึ่งจะได้อานิสงส์จากรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น
(ในขณะที่ของ DOHOME คิดเป็น 35% และของ HMPRO คิดเป็น 20%) ในขณะเดียวกัน เราคาดว่า HMPRO จะได้อานิสงส์จากการเปิดประเทศ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะ 60% ของสาขา HMPRO ตั้งอยู่ในภาคกลางและภาคใต้ (ในขณะที่ของ DOHOME คิดเป็น 40% และของ GLOBAL คิดเป็น 25%) ส่วนในแง่ของอัตรากำไร เราคาดว่า DOHOME และ GLOBAL จะเผชิญความท้าทายจากฐานที่สูงของราคาเหล็กในปีที่แล้ว ซึ่งประมาณมาณการของเราได้สะท้อนประเด็นนี้ไปมากแล้ว ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรของ HMPRO ในปี 2565 จะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดที่ 17% YoY
รองลงมาคือ GLOBAL ที่ 2% YoY ในขณะที่เราคาดว่ากำไรของ DOHOME จะลดลง 6% YoY
เราใช้ PER ที่แตกต่างกันเพื่อสะท้อนแนวโน้มผลการดำเนินงานของแต่ละบริษัท
เราประเมินราคาเป้าหมายของ HMPRO โดยใช้ PER ที่ 36.0X (+1.0 S.D) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นของ HMPRO และการใช้ประโยชน์จากสาขาห้างเพื่อเกาะตามธีมการเปิดประเทศ เราประเมินราคาเป้าหมายของ GLOBAL โดยใช้ PER ที่ 34.0X (+0.5 S.D) เพราะคาดว่าบริษัทจะได้อานิสงส์มากที่สุดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภาคเกษตรของไทย ถึงแม้ว่าอัตรากำไรของ GLOBAL จะได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กที่ลดลง แต่เรามองว่ายังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ (ยอดขายเหล็กคิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของยอดขายรวม) เราประเมินราคาเป้าหมายของ DOHOME โดยใช้ PER ที่ 32.0X
(เท่ากับค่าเฉลี่ย) เพื่อสะท้อนถึงการที่บริษัทจะได้อานิสงส์จากทำเลที่ตั้งสาขาน้อยกว่า และความเสี่ยงต่ออัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากราคาเหล็กที่ลดลง (ยอดขายเหล็กคิดเป็น 25-30% ของยอดขายรวม)
Valuation & action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce ที่ Overweight
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิด disruption จากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ,พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่คาดไว้, การหาทำเลที่ตั้งสาขาใหม่