“สตรีทฟู้ด” อ่วมต้นทุนเงินเฟ้อแข่งตัดราคา ห่วงลดปริมาณ-คุณภาพวัตถุดิบ
“สมาคมภัตตาคารไทย” หวั่น “สตรีทฟู้ด” แข่งตัดราคา ลดปริมาณ-ลดคุณภาพวัตถุดิบลงเซ่นพิษ “เงินเฟ้อ” หลังร้านอาหารเริ่มแบกรับต้นทุนแพงไม่ไหว เตรียมเลือกขึ้นราคาในบางเมนูเดือน ก.ค.นี้
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์เงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารล้วนรอดูว่ารัฐบาลจะออกมาตรการอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องค่าน้ำมันอีกหรือไม่ โดยทุกร้านคงกำลังพิจารณา “ขึ้นราคาอาหาร” ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสูงขึ้น แต่ที่ผ่านมาไม่กล้าขึ้นราคาด้วยเหตุผลกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศมีข้อจำกัดและลำบากกันมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว
“บรรดาร้านอาหารและภัตตาคารเกรงว่าการขึ้นราคาจะส่งผลกระทบต่อฐานลูกค้าที่มองหาตัวเลือกร้านอื่นๆ โดยทางสมาคมภัตตาคารไทยได้หารือร่วมกันกับร้านอาหารต่างๆ ขอร้องให้ช่วยยืดเวลาการขึ้นราคาให้นานที่สุด”
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯคาดว่าในเดือน ก.ค.นี้ สถานการณ์ด้านราคาพลังงานไม่น่าจะดีขึ้น ทั้งราคาน้ำมันปาล์มสำหรับการประกอบอาหาร และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก น่าจะยืดเยื้อไม่จบลงโดยเร็ว ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบจากต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนของเกษตรกรในด้านปุ๋ยและอาหารสัตว์ ก็ส่งผลกระทบไปยังราคาเนื้อสัตว์ ทั้งราคาหมูและไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน
นางฐนิวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อธุรกิจร้านอาหารต้องแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น บรรดาร้านอาหารรายเล็กลำบาก ส่วนร้านอาหารรายใหญ่ที่มีแบรนด์ ยังมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง แม้จำนวนผู้บริโภคจะมาใช้บริการลดลง แต่ก็ได้ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีความหวังที่จะได้ทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทย จึงอยู่ในสถานะรอดูสถานการณ์ว่าจะแบกรับไหวหรือไม่ หรือตัดสินใจที่จะขึ้นราคาอาหารในบางรายการก่อน
“สิ่งที่สมาคมฯเป็นห่วงคือร้านอาหารริมทางหรือสตรีทฟู้ด เมื่อราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นทุกอย่างในสถานการณ์ที่ยังต้องมีการแข่งขันในหมู่ร้านอาหารขนาดเล็ก จะเกิดการตัดราคา และลดปริมาณ ลดคุณภาพวัตถุดิบลง และส่งผลต่อผู้บริโภคในที่สุด”