RATCH เพิ่มทุน 2.5 หมื่นล้านบาท ปักธงสู่ผู้นำพลังงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
‘ราช กรุ๊ป’ เพิ่มทุน 2.5 หมื่นล้านบาท สานต่อแผนธุรกิจตามวิสัยทัศน์รุกสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สู่ผู้นำพลังงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นเมกะวัตต์ ดันมูลค่ากิจการแตะ 2 แสนล้านบาทในปี 68
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งช่วยให้ RATCH สามารถสานต่อแผนการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้
โดยมุ่งขยายการเติบโตจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าไปสู่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและธุรกิจอื่นที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว และยกระดับองค์กรสู่บริษัทชั้นนำด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้รวมประมาณ 25,000 ล้านบาท สำหรับรองรับการปรับโครงสร้างเงินทุน โดยนำไปชำระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และคงอัตราส่วนทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (CREDIT RATING AGENCIES) รวมถึงรองรับแผนการขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ
โดยบริษัทได้กระจายการลงทุนไปยังโครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และธุรกิจอื่นที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว ซึ่งกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 20% ของงบลงทุน พร้อมสร้างฐานธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การขยาย และต่อยอดการลงทุนมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
บริษัท มีเป้าหมายระยะยาวที่จะก้าวสู่ผู้นำพลังงานในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 MW ซึ่งจะมีสัดส่วนกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนถึง 25% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% อีกทั้งวางเป้าหมายเพิ่มมูลค่ากิจการแตะ 2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายยกระดับการจัดการด้านความยั่งยืนโดยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ 6 แนวทางในการดำเนินงาน เพื่อไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ซึ่งสอดรับกับแนวทาง ESG โดยเริ่มตั้งแต่การกำหนดเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนต่อเนื่องทุกปี การกระจายการลงทุนในธุรกิจคาร์บอนต่ำ การเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง และพลังงาน การปลูกป่าเพื่อสร้างแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกำหนดสัดส่วนประเภทเชื้อเพลิงสำหรับการลงทุน และจำกัดเพดานการลงทุนเชื้อเพลิงถ่านหิน ด้วยแนวทางดังที่กล่าวมา บริษัทเชื่อมั่นว่าจะช่วยจำกัดและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวชูศรี กล่าวว่า แม้ภาพรวมสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย–ยูเครน ที่เป็นแรงหนุนต่อราคาพลังงานในตลาดโลกจะทำให้ราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นแต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบต่อ RATCH อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสามารถส่งผ่านราคาต้นทุนเชื้อเพลิงไปสู่ผู้รับซื้อไฟฟ้ารายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ภายใต้การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จึงไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานในปัจจุบัน
ส่วนแผนดำเนินงานปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยในประเทศไทยนอกจากการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนแล้ว ยังมุ่งลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ประเภทโคเจนเนอเรชั่น ที่จะช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มมูลค่ากิจการในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าประมาณ 28,000 ล้านบาท คิดเป็น 93% ของงบลงทุน แบ่งเป็น งบลงทุนโครงการใหม่ 26,500 ล้านบาท และโครงการเดิม 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 7% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท จะใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือไปจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์