รายได้เหมืองขุด 'บิตคอยน์' ร่วงแตะ 14.401 ล้านดอลลาร์ สัญญาณตลาดขาขึ้น

เว็บไซต์ cointelegraph.com รายงานว่า ราคาบิตคอยน์อยู่ที่แนวรับ 20,000 ดอลลาร์ หลังจากความนิยมในการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ผ่านไปหนึ่งปีครึ่ง ซึ่งเป็นงานที่สำคัญที่สุดของระบบนิเวศน์ที่มีค่าใช้จ่ายสูงในการทำธุรกิจนี้ โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาบิตคอยน์ส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของผู้ขุด ซึ่งได้รับผลตอบแทนจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมในบิตคอยน์สำหรับการดำเนินการขุด 

ในเดือนมิ.ย.2565 รายได้จากการขุดทั้งหมดลดลงต่ำกว่า 20 ล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของ Blockchain.com บันทึกไว้ที่ระดับต่ำสุด 14.401 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 17 มิ.ย.2565

รายได้จากการขุดบิตคอยน์ที่ลดลงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 จากมูลค่ารวมลดลงไปอยู่ที่ 13.065 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 27 มิ.ย.2564 ซึ่งบิตคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 34,000 ดอลลาร์ 

หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าสู่ตลาดขาขึ้นของบิตคอยน์ที่ยาวนานถึง 5 เดือน ที่มีปัจจัยเสริมจากการยอมรับบิตคอยน์ของเอลซัลวาดอร์ และการเริ่มมีกฎหมายเกี่ยวกับบิตคอยน์ในทั่วโลก

แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนจะมีความผันผวนหนัก แต่นักลงทุนรายย่อยเข้าลงทุนท่ามกลางตลาดหมี เนื่องจากสามารถซื้อบิตคอยน์ได้ครบ 1 บิตคอยน์ รวมทั้งปัจจัยกดดันอื่นๆ ทั้ง ภาวะถดถอยทั่วโลก ความตึงเครียดทางการเมือง เศรษฐกิจ การล่มสลายของTerra และการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันทำให้ระบบนิเวศน์ของบิตคอยน์ไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงได้

Arcane Crypto บริษัทให้บริการทางการเงินด้านคริปโทเคอร์เรนซี เปิดเผยว่ามีผู้ขุดบิตคอยน์หลายแห่งที่มีศักยภาพมากพอที่จะอยู่รอดในตลาดขาลง แม้ว่ารายได้ที่ลดลงตามราคาบิตคอยน์ที่ปรับลดลง

จากรายงานเผยว่าบริษัทที่ทำธุรกิจขุดบิตคอยน์ Argo, CleanSpark, Stronghold, Marathon และ Roit เป็นผู้ขุดที่สามารถอยู่รอดได้ในภาวะคริปโทวินเทอร์ และ Core มีรายได้สูงสุด

บริษัทขุดบิตคอยน์ Compass Mining สูญเสียสถานที่ให้บริการแห่งหนึ่ง หลังจากไม่สามารถชำระค่าไฟฟ้า

Dynamics Mining เจ้าของสถานที่ให้บริการพื้นที่เหมือง กล่าวหาว่า Compass Mining มีการชำระเงินล่าช้า 6 ครั้ง และการไม่ชำระเงินสามรายการที่เกี่ยวข้องกับค่าสาธารณูปโภค และค่าธรรมเนียมการโฮสต์ โดยระบุว่า "ต้องจ่ายเงินทั้งหมดคือ 250,000 ดอลลาร์สำหรับการใช้พลังงาน 3 เดือน"

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์