โบรกแนะกลยุทธ์ลงทุน รับมือ "กำไรบจ." ไตรมาส2/65ส่อวูบ
"บล.เอเซีย พลัส” คาดกำไรบจ.ไตรมาส 2/65 ลดลงไม่เกิน10% จากไตรมาส2ปีก่อนที่ 2.74 แสนล้าน พร้อม ประเมินกลุ่มแบงก์- ปิโตร-สื่อสาร -อสังหาฯลฯ ลดลงทั้งเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน-ไตรมาส1/65 “บล.ยูโอบี เคย์เฮียน” คาดชะลอตัวระดับ 5-10% เหตุราคาพลังงานเพิ่มขึ้น ดันต้นทุนพุ่ง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 2 ปี 2565 อาจปรับตัวลดลงเป็นตัวเลขหลักเดียว หากเทียบกับไตรมาส2ปี 2564 และจากไตรมาส 1ปี 2565 สาเหตุหลักมา2 ปัจจัยกดดัน คือ ฐานกำไรงวดไตรมาส 2 ปี 2564 อยู่สูงที่ 274,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากมีบริษัทขนาดใหญ่มีกำไรพิเศษรวมเข้ามา เช่น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTGC, และธนาคารกรุงศรี (BAY)
ปัจจัยที่ 2 คือ ปัญหาเงินเฟ้อ ที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงมาตรการภาครัฐทยอยหมดลงเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1 ปี 2565 ทำให้กำไรบจ.มีโอกาสปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส1 ปี 2565 อยู่ 281,000 ล้านบาท เพราะไตรมาส1 มักเป็นช่วงไฮซีซัน
“เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ที่กดดันการลงทุนในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ เรายังคงแนะนำ ถือเงินสดสัดส่วน 30% ของพอร์ตลงทุน ยังเป็นระดับที่เหมาะสม หากระดับดัชนีต่ำกว่า 1,570 จุด สามารถทยอยเข้าสะสมได้ ในหุ้นที่มีผลประกอบการที่ดี และหากระดับดัชนีสูงกว่า 1,576จุด สามารถขายหุ้นเพื่อทำกำไร”
สำหรับไตรมาส 2ปี 2565 อุตสาหกรรมที่โตทั้งไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาส1ปี 2565 ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON) เงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) ท่องเที่ยว (TOURISM) บริการรับเหมาก่อสร้าง (CONS) สื่อและสิ่งพิมพ์ (MEDIA) ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวลงทั้งไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาส1ปี 2565 ได้แก่ ธนาคาร (BANK) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)ฯลฯ
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน กล่าวว่า คาดการณ์กำไรบจ.ไตรมาส 2 ปี 2565 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงประมาณ 5-10% จากไตรมาส 2ปี 2564 เนื่องจาก อุตสาหกรรมต่างๆนอกจากลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงแรง เพราะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้หากเทียบกับไตรมาส1ปี 2565 มีความเป็นไปได้ที่จะชะลอตัวเป็นเลขสองหลัก จากปัจจัยผลของช่วงฤดูกาลที่ไตรมาส 1 เป็นไฮซีซัน ,ผลกระทบต้นทุนปรับสูงขึ้น จากราคาสินค้าคอมมูนิตี้ที่ปรับตัวขึ้น ความขาดแคลนชิปจากการปิดเมืองในจีนที่กระทบด้านซัพพลายเช่น ,กลุ่มค้าปลีก ชะลอตัวจากกำลังซื้อที่ลดลง
อย่างไรก็ตามกำไร บจ. ไตรมาส 2 ปีนี้ ยังประเมินได้ค่อนข้างยาก ซึ่งจะมีการประกาศตัวเลขในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ดังนั้นในเชิงของกลยุทธ์การลงทุน แนะนำว่า รอจังหวะ มากกว่า รีบร้อน เข้าซื้อ หากลงทุนเพื่อเก็งกำไร เน้นบจ.ที่ยังมีแนวโน้มผลประกอบการยังเป็นบวกอยู่ เช่น กลุ่มหุ้นท่องเที่ยวและอาหาร
นายกิจพณ กล่าวว่า โดยถ้าเป็นหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ มองว่าเป็นการทยอยสะสม ซึ่งจุดเข้าซื้อที่ดี ยังเป็นหลังบจ.ประกาศงบไตรมาส 2 ปีนี้ คือ ช่วงครึ่งหลังของเดือนส.ค. เพราะ ตลาดหุ้นไทยน่าจะกลับมามีความน่าสนใจ หรือมีโอกาสจะตั้งหลักได้มากขึ้น
โดยคาดดัชนีหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะแกว่งตัวผันผวนในทิศทางขาลง ซึ่งประเมินแนวรับแรก 1,540 จุด และแนวรับถัดมาที่ 1,520 จุดและแนวต้านสำคัญของฟื้นตัว ที่ 1,650 จุด
“ตลาดในช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2ปีนี้น่าจะยังคงซึมๆ และปรับตัวลงได้อีก หลังบจ.มีการปรับลดประมาณการหรือปรับลดเป้าการเติบโตในปีนี้ ”