วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (5 ก.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ หลังตลาดกังวลอุปทานตึงตัวจากความไม่สงบในลิเบีย
+ ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับเพิ่มต่อ หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบที่อาจตึงตัวจากการผลิตของกลุ่มโอเปคที่ปรับลดลงโดยเฉพาะประเทศลิเบียที่เผชิญเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศและการประท้วงของสหภาพแรงงานของนอร์เวย์ โดยล่าสุดบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียประกาศประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) ในการส่งออกน้ำมันดิบจากท่าเรือ Es Sidr และ Ras Lanuf ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบปรับตัวลดลงราว 0.8-0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปกติ
- ขณะที่ รัฐบาลเอกวาดอร์ เผยว่า สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้ประท้วง หลังประเทศเผชิญกับการประท้วงมากกว่าสองสัปดาห์ จากข้อเรียกร้องในการลดราคาเชื้อเพลิงและจำกัดการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหมืองแร่และน้ำมัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแปดราย และส่งผลกระทบต่อการผลิตกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงก่อนหน้า โดยล่าสุดปริมาณการผลิตปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 90% ของระดับปกติแล้ว
- อัตราเงินเฟ้อของประเทศในกลุ่มยุโรป ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ ร้อยละ 8.6 จากที่ระดับ ร้อยละ 8.1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.4 โดยมีผลกระทบหลักมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน อาหาร และภาคบริการ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันเบนซินในภูมิภาคตามการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางต่างๆ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยกดดันความต้องการใช้น้ำมันโดยเฉพาะสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกจากเอเชียไปยังยุโรปปรับลดลง ส่งผลให้อุปทานปรับเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ขณะที่อินเดียกีดกันการส่งออกด้วยการบังคับใช้ภาษีส่งออก ท่ามกลางอุปสงค์ในภูมิภาคที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง