GULF ยันถือหุ้นINTUCHไม่ถึง50% เหตุ ไม่มีนโยบายทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์อีก

GULF ยันถือหุ้นINTUCHไม่ถึง50% เหตุ ไม่มีนโยบายทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์อีก

GULF ซื้อหุ้นINTUCH เพิ่มเป็น 46% เหตุ ราคาลง อยู่ในจุดน่าลงทุน ยันมีนโยบายถือหุ้นไม่ถึงจุดที่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์อีก  ด้านบล.โนมูระ คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มอีก 78 ล้าน ในปีนี้ 

 

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เพิ่มเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 จำนวน 45,589,854 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 68.19 บาท รวมมูลค่า 3,108.77 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อผ่านกระดานรายใหญ่ (Big Lot )

สำหรับการเข้าซื้อหุ้นINTUCH เพิ่ม เพราะ ราคาหุ้นปรับตัวลดลงในจุดที่น่าสนใจจึงเข้าไปซื้อเพิ่ม โดยบริษัทมีนโยบายที่จะไม่เข้าไปถือหุ้นINTUCH จนถึงจุดที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)อีก และไม่มีนโยบายที่จะมีการรวมงบการเงินของINTUCHเข้ามา

ทั้งนี้จากแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่า GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2565 จำนวน 45,589,854 หุ้น คิดเป็น 1.4217% ทำให้ภายหลังการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว  GULF ถือหุ้นINTUCHเพิ่มเป็น 1,477,508,606 หุ้น คิดเป็น 46.07%

 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การที่GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH  เพิ่มอีก 1.4% ทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มราว 78 ล้านบาทในปี 2565 และเพิ่มอีก155 ล้านบาท ในปี 2566 และมีอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายปี 2565 ของGULF0.046% โดยบริษัทประเมินว่า ทุกๆการลงทุนเพิ่มใน INTUCH ราว 1% ที่ต้นทุน  68 บาท ต่อหุ้น จะคิดเป็นอัพไซด์ต่อราคาราคาเป้ามายของGULF ราว 0.03 บาท หรือ 0.06%

 

 นอกจากนี้คาดว่าการที่  GULF เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH ทำให้เราคาดว่าจะเกิด Synergy  จากการต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีไปกับโครงสร้างพื้นฐานหลัก (ไฟฟ้า )  ในระยะยาว

 ทั้งนี้จาก GULF ชี้ แจง ว่าไม่มีนโยบายเพิ่มการลงทุนใน INTUCH จนถึงจุด ที่จะต้องทำ เทนเดอร์ออฟเฟอร์ อีกครั้ง  โดยฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายปี 2565 อยู่ที่ 53 บาท ต่อหุ้น ซึ่งหากนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้  สามารถซื้อเก็งกำไร เพราะ มีอัพไซด์ โครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาหรือการเจรจา  รวมถึงยังคงมุมมองราคาหุ้น มีปัจจัยบวกรองรับต่อเนื่องในปีนี้ 

   โดยในระยะยาวธุรกิจไฟฟ้าเติบโตสูง จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ( COD )กำลังการผลิตใหม่ใน 4 ปี ข้างหน้า ( 2565-2568)ต่อเนื่อง ส่งผลให้ มีเมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น  เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว  และกำไรเติบโตก้าวกระโดดถึง 31% ในช่วงปี 2565-2567  โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องทุกปี